พลตำรวจตรี สุคนธ์ ศรีอรุณ  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.สุรินทร์  สั่งการให้ พ.ต.อ. อิทธิพล พงษ์ธร 

ผกก.สืบสวนภูธร จ.สุรินทร์  พร้อมด้วย ชุด ปทส.กก.สืบสวนฯ และคณะเจ้าหน้าที่นำหมายศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ ค.50 /2568  ลงวันที่ 28 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ให้ดำเนินการเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 166 หมู่ที่ 13 ตำบลหนองใหญ่  อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เพื่อพบนายอุทาน สุภี และยึดสิ่งของ ซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยมี ร.ต.อ.ปราโมทย์ เที่ยงธรรม   รองสารวัตรสืบสวนกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์  พร้อมชุด ปทส. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 2 ส่วนแยก 2 กองกำลังสุรนารี หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน- ห้วยสำราญ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปราสาท เจ้าหน้าที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์  เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 3 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามฯ สายที่ 2 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ด่านตรวจสัตว์ป่าช่องจอม อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร  หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร. 2 ภายใต้การอำนวยการของนายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี)  ในการป้องกันปราบปราม

การกระทำความผิดว่าด้วยป่าไม้อย่างเข้มข้นตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ตม.จว.สุรินทร์ ประกอบด้วย ร.ต.อ.บำรุงชัย เจตนา รอง สว.(สส.) ตม.จว.สุรินทร์ โดยขณะตรวจค้นไม่พบนายอุทาน สุภี อยู่อาศัย ภายในบ้าน มีนายศักดิ์สิทธิ์ สุภี อายุ 28 ปี สัญชาติ ไทย อยู่บ้านเลขที่ 166 หมู่ 13 ตำบลหนองใหญ่ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ บุตรชาย  ซึ่งขณะตรวจค้น คณะเจ้าหน้าที่ พบ Mr. HOANG VAN TOAN (นายออง แวน ตวน)อายุ 52  ปี สัญชาติเวียดนาม มาพักอาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกตรวจค้น โดยได้สอบถามข้อมูลโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ตม.จว.สุรินทร์ ประกอบด้วย ร.ต.อ.บำรุงชัย เจตนา รอง สว.(สส.) ตม.จว.สุรินทร์ ผ่านล่ามชาวเวียดนาม คือ Mr Le Hai Quan และตรวจสอบหนังสือเดินทางเลขที่ Q00476774  พบว่า Mr. HOANG VAN TOAN

เดินทางเข้ามาในประเทศไทยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2  ตม.จว.มุกดาหาร ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยถึงวันที่ 20 เมษายน 2568 เข้ามาในประเทศไทย เพราะต้องการซื้อไม้บ้านเก่า  ไม้เสา เมื่อได้ไม้ จะนำไม้ไปที่ลาว เวลาไปซื้อไม้จะขับรถไปคนเดียว ดูแผนที่จากพิกัดในมือถือ การซื้อจะโอนเงินเข้าบัญชี โดยบัญชีคนลาวที่โอนเงินผ่านธนาคารที่ประเทศลาว ประมาณ 5,000 -20,000  บาท มีเงินสดไม่เกิน 10,000 บาทติดตัว หมดจะให้โอนเพิ่ม  โดย เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณบ้านพบ ไม้พะยูง จำนวน 8 ท่อนที่โพสขาย ทางเฟสบุ๊คซื้อ กิโลกรัมละ 80 หรือ 120 บาท  แล้วแต่ว่าเป็นท่อนสั้นหรือท่อนยาว และตนโอนจ่ายเงินแล้ว จำนวน 27,500 บาท และไม่มีเอกสารแสดงการได้มาที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

โดยชุด ปทส. ได้ติดตามพฤติกรรมของชาวเวียดนามรายนี้มีการกว้านซื้อไม้พะยูง ก่อนส่งไปยังประเทศลาวทางด้าน จ.มุกดาหาร ซึ่งขนไปประมาณ 200-300 กิโลกรัม (ติดต่อคนไทยเป็นคนขน) และนำไปเก็บไว้ที่มุกดาหาร (ค่าฝาก กก. ละ 30 บาท) นำข้ามไปที่ สปป.ลาว ขายให้คนลาว กำไร กก.ละ 50 บาท  ผู้ซื้อชาวลาวจะโอนเงินให้บัญชีคนไทย บางครั้งโอนให้นางนุชฯ  และจึงเอาเงินมาให้ตน

คณะเจ้าหน้าที่เห็นว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้และผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522  แก่  Mr. HOANG VAN TOAN (นายออง แวน ตวน) ทราบว่า มีความผิดตามกฎหมาย   พรบ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484

 ม. 69 ฐาน ร่วมกันมีไม้หวงห้าม (ไม้พะยูง) อันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยดวงตราค่าภาคหลวงหรือรอยดวง    

     ตรารัฐบาลขายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต        ม.70 ฐาน ร่วมกันรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น    

    จำหน่าย หรือช่วยเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิด    และมีความผิด 

    ฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 37 (1) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.

    2522   เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันยึดไม้ของกลาง (ไม้พะยูง) จำนวน  8 ท่อน ปริมาตร 0.282  ลบ.ม. คิดเป็น

    ค่าภาคหลวง 22.56 บาท ค่าเสียหายภาครัฐ 70,500 บาท  ส่วนไม้พะยูงของกลาง ขออนุมัติพนักงานสอบสวน

    นำมาเก็บรักษายัง หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.  2

   อีกจุดได้เข้าจับกุมนามานพ  สนิทภักดี อายุ 49 ปี ราษฏรตำบลบ้านพลวง  อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พร้อมตรวจ  

  ยึดเลื่อยโซ่ยนต์ และโซ่จำนวน 15 เส้น เลื่อยไฟฟ้า ก่อนแจ้งข้อหา ความผิดตามพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ ปี 

   2545 มาตรา 4 ฐานมี ผลิตหรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน








 อัศววัฒน์  พัฒน์ทองกนก จ.สุรินทร์   รายงาน

แสดงความคิดเห็น