วันนี้(14 มีค. 68) เวลา 18.24 น. ณ ร้านอาหารชื่อ ”ร้านบ้านเอื้อง“ เลขที่ 133 ม.5 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร  น.ส. วัชรารา ศากรวิมล นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานสัตว์ทะเลหายากและใกล์สูญพันธุ์ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ได้นำคณะนักศึกษา ม.เกษตรฯสัตวบาลที่ฝึกงาน ร่วมตรวจสอบ “ไข่เต่ากระ” ที่ครบกำหนดแตกเป็นตัวอ่อนรังที่ 2 ของปี 68 หลังได้นำไข่มาเก็บรักษาฟักไว้ในรังก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 181 ฟอง จึงได้ช่วยกันขุดหลุมลึกประมาณ 40 ซม. พบ “ลูกเต่ากระ” นับตัวได้ทั้งหมด 176 ตัว ไข่ที่ไม่ฟักอีก 5 ฟอง


 

   จากนั้นจึงช่วยกันทำจุดปล่อยลูกเต่าลงสู่ทะเลในช่วงเวลา 19.15 น. โดยใช้แสงสีแดงกระตุ้นลูกเต่ากระทั้งหมดเดินลงทะเล โดยมีพี่น้องประชาชนชาวต่างๆชาติที่มา ”รัานบ้านเอื้อง“ ช่วยกันปล่อยลูกเต่ากระทั้ง 176 ตัวลงทะเลจนสำเร็จ

  น.ส. วัชรา ศากรวิมล สัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานสัตว์ทะเลหายากและใกล์สูญพันธุ์ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง กล่าวว่า “จากที่เราพบไข่เต่าครั้งแรกมีทั้งหมด 181 ฟอง ฟักออกเป็นตัวได้ 176 ตัว ไข่ที่ไม่ฟักอีก 2 ฟอง และไข่ที่ไม่ได้รับการผสมเชื้ออีก 3 ฟอง รวมไข่ที่ไม่สามารถฟักเป็นตัวได้ทั้งหมด 5 ฟอง 

  โดยปกติลูกเต่าจะลงทะเลในช่วงเช้าตรู่หรือไม่ก็ช่วงค่ำๆอย่างในคืนนี้ เพราะจะใช้ความมึดพรางตัวช่วยให้ปลอดภัยจากศัตรูได้ โดยศัตรูตามธรรมชาติอย่างเช่น ปูลม หมา ตัวเงินตัวทอง และปลาใหญ่ๆที่กินเนื้อเป็นอาหาร ก็จะทำให้การอยู่รอดเพิ่มของ ”ลูกเต่ากระ“ มีเปอร์เซ็นต์เพิ่มสูงขึ้นแล้วคลื่นลมก็สงบด้วย ถือว่ามีบรรยากาศดีและมีความเหมาะสมเพราะลูกเต่าก็ได้รับการกระตุ้นจากธรรมชาติได้ดีอีกด้วย


   ทั้งนี้จากการที่ได้ตรวจดูที่ช่องท้องของลูกเต่าทุกตัวก็พบว่ายังมีไข่แดงติดอยู่ที่ช่องท้อง ซึ่งนั่นก็คือแหล่งอาหารของลูกเต่าแต่ละตัว เมื่อว่ายลงทะเลไปลูกเต่าเหล่านี้ ก็ไม่ต้องออกไปหาอาหารในระยะเวลา 1 สัปดาห์ 

  โดยสรุปในภาพรวมก็พบว่า ลูกเต่ามีความตื่นตัวพร้อมที่จะลงทะเลอย่างมาก มีความแข็งแรงและมีการตอบสนองค่อนข้างดีมากๆ ค่ะ“  น.ส. วัชรา ศากรวิมล สัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานสัตว์ทะเลหายาก กล่าวอย่างมั่นใจ.//









ประสิทธิ์ ลีฬหคุณากร/ชุมพร

แสดงความคิดเห็น