สาวใต้เครียดจัด โดดสะพานลอยหน้าโรงเรียนทหารเรือ สัตหีบ ตำรวจฮีโร่ช่วยทัน!

    

วันที่ 8 ธันวาคม 2567 เวลา 14.00 น. เกิดเหตุการณ์ระทึกเมื่อหญิงสาวรายหนึ่ง นางสาวอ้อย (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัดสินใจคิดสั้น ปีนขึ้นสะพานลอยหน้า  ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ศฝท.ยศ.ทร.) บางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งร้องไห้และกล่าวคำอำลา ท่ามกลางสายตาของประชาชนในละแวกนั้นที่ต่างตกใจและพยายามเรียกความช่วยเหลือ  

  สาเหตุของการคิดสั้น สืบเนื่องจาก น.ส.อ้อย มีความรู้สึกอับอายและผิดหวังในชีวิต หลังจากอดีตแฟนหนุ่มชาวต่างชาติ ซึ่งเคยอาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านเช่า ได้เผยแพร่ภาพและคลิปส่วนตัวของเธอบนโลกออนไลน์ ทำให้เธอถูกล้อเลียนและประณามในวงกว้าง อีกทั้งยังมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับอดีตแฟนหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเคยทำให้ข้าวของภายในบ้านเช่าเสียหาย  

เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เนมีย์ สวป.สภ.สัตหีบ พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งและรีบรุดมายังที่เกิดเหตุทันที พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ ใช้เวลาพูดคุยและเกลี้ยกล่อม น.ส.อ้อย ด้วยคำพูดปลอบโยนและสร้างกำลังใจ พร้อมย้ำถึงความสำคัญของชีวิต และความรักที่คนในครอบครัวมีต่อเธอ ตลอดเวลาที่พูดเกลี้ยกล่อม ตำรวจคนอื่นได้คอยดูแลพื้นที่โดยรอบเพื่อให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างปลอดภัย  

ขณะเดียวกัน “พี่อ้อย บางเสร่” พลเมืองดีในพื้นที่ซึ่งบังเอิญผ่านไปเห็นเหตุการณ์ ได้เข้ามาร่วมให้กำลังใจ และมอบเงินจำนวน 1,000 บาท ให้แก่ น.ส.อ้อย เพื่อใช้เป็นค่ารถเดินทางกลับบ้านที่สุราษฎร์ธานี พร้อมทั้งกล่าวให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักตัวเองและการก้าวผ่านความทุกข์  

จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ พบว่า น.ส.อ้อยมีความเครียดสะสมจากการใช้ชีวิตคู่กับอดีตแฟนหนุ่มชาวต่างชาติ ทั้งจากปัญหาการเงินและพฤติกรรมของอดีตแฟนที่มักสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเช่า และเมื่อเลิกรากัน อดีตแฟนหนุ่มยังคงใช้โลกออนไลน์เป็นเครื่องมือในการทำลายชื่อเสียงของเธอ  

หลังจากเหตุการณ์คลี่คลาย ตำรวจได้จัดส่งตัว น.ส.อ้อย ไปยังสถานีตำรวจเพื่อพูดคุยเพิ่มเติม และประสานงานครอบครัวของเธอให้มารับตัวกลับ พร้อมแนะนำให้เธอเข้ารับคำปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลสุขภาพจิตใจและช่วยให้เธอกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  

  เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการให้กำลังใจแก่ผู้ที่กำลังเผชิญความทุกข์ และแสดงถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้อย่างทันท่วงที