รองประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสภ.ศรีบุญเรือง (รองประธาน กต.ตร.สภ.ศรีบุญเรือง) ทำร้ายร่างกายอาการสาหัส ก่อนลูกน้องจะช่วยรุมจับมัดตัวส่งให้ ตร.นำตัวไปดำเนินคดี ขณะที่ผู้ก่อเหตุรายนี้เผาป่าหลังโชว์รูมรถยนต์ร่วม 50 คันของตนเองเกือบวอด แต่คดีไม่คืบหน้า
ในขณะที่ผู้เป็นแม่ น้องสาวอยู่บ้านไม่ได้ต้องไปหาเช่าบ้านอยู่ พอคลุ้มคลั่งขึ้นมาจะเผาพร้อมทุบทำลายทรัพย์สินภายในบ้านแม่และบ้านตนเอง ทำเป็นของเศษของเก่านำไปขายแลกยา ขณะที่พี่ชายและน้องสาวเอื้อมระอาไปทั้งตระกูลขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงเดือดร้อน เคยต้องโทษเข้า-ออกบ้านใหญ่ 3 ครั้งทั้งคดีวางเพลิง และ เสพ ยังไม่เข็ด เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เด็ดขาดปล่อยให้ชาวบ้านอยู่กันอย่างวาดผวา
วันนี้(18 ตค.67) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายประเสริฐ อินแก้ว อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147/1 ม.1 ต.ศรีบุญเรือง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู เสี่ยเจ้าของธุรกิจรถยนต์มือสอง และเป็นถึงรองประธาน กต.ตร.สภ.ศรีบุญเรือง อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ภายหลังเข้าพบ พ.ต.ท.ธนายุทธ ดวงทองมา พนักงานสอบสวน ร้อยเวร สภ.ศรีบุญเรือง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายอุบล ชัยสงค์ อายุ 47 ปีอยู่บ้านเลขที่ 153/1 บ้านศรีบุญเรือง ซึ่งมีพฤติกรรมเสพยาบ้าจนสติหลอน
โดยเมื่อวันที่ 16 ตค.67 เวลาประมาณ 11.00 น.ขณะที่ตนเองอยู่ภายในออฟฟิตของตนเอง ในขณะนั้นมีพนักงานชาย-หญิง ร่วม 20 คนกำลังทำงานภายในโชว์รูมทำงานตามปกติ นายอุบลฯซึ่งเดินเข้าที่ห้องแล้วใช้กำปั้นชกที่บริเวณศีรษะใช้เท้าเตะที่บริเวณชายโครงขวา แขน ขาโดยที่ตนเองไม่ทันตั้งตัว จนทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส และในเวลาต่อมา จึงมีพนักงานชายที่กำลังทำงาน เข้ามารุมจับตัว นายอุบลฯไว้และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีบุญเรือง มารับตัวนายอุบลฯเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หลังรับแจ้งข้อกล่าวหานายอุบลฯพนักงานสอบสวนเวรตั้งข้อหาบุกรุกเคหสถาน และทำร้ายร่างกาย เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
โดยนายประเสริฐฯเล่าว่าตนเองกับนายอุบลฯผู้ก่อเหตุก็ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งอะไรกันเป็นการส่วนตัวโดยก่อนที่จะมาถูกทำร้ายในครั้งนี้ว่า เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 23.30 น.นายอุบลฯผู้ก่อเหตุได้จุดไฟวางเพลิงแนวป่าด้านหลังโชว์รูมรุ่งประเสริฐยนตรการ ได้รับความเสียหาย หวุดหวิดจะลุกลามเข้ามาภายในโชว์รูม รถยนต์กว่า 40 คันมูลค่าหลายล้านบาท
หลังจากนั้นได้มีกู้ภัยมังกรศรีบุญเรือง ได้มาช่วยกันดับแต่ไร้เงาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นนายอุบลฯ ผู้ก่อเหตุและในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ที่ทำการปกครองอำเภอศรีบุญเรือง และผู้ใหญ่บ้านศรีบุญเรือง ได้มาช่วยกันจับตัวไปดำเนินการสอบสวนก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีบุญเรือง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในขณะที่นายสากล ชัยสงค์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209 หมู่ที่ 1 ต.ศรีบุญเรือง อ.ศรีบุญเรือง ผู้เป็นพี่ชายของนายอุบลฯ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนเองและคนในครอบครัวรู้สึกเสียใจกับการกระทำของน้องชายที่มีพฤติกรรมเสพยาจนประสาทหลอน วาดผวากลัวแต่ว่าจะมีคนมาทำร้าย ที่ผ่านมาไม่เคยผ่านการเข้าค่ายหรือเข้าบำบัดรักษาตามโครงการที่อำเภอจัดขึ้น โดยก่อนหน้านี้เคยติดคุกในคดีวางเพลิงบ้านพ่อแม่ ถูกจำคุกได้ปีกว่า และติดคุกอีก 2 ครั้งในข้อหาเสพ แต่ติดไม่นานก็ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนเรื่อยมา จนมาก่อเหตุหลังพ้นโทษ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กันยายน 67 นายอุบลฯน้องชายก็ยังมีพฤติกรรมไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ชาวบ้านไม่กล้าแจ้งความ ทุกวันเวลาคลุ้มคลั่งจะทำลายทรัพย์สินข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน พร้อมนำไปเผาทำลาย บางครั้งปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านตนเอง และล่าสุดเข้าทำร้ายเสี่ยประเสริฐฯจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตนเองและทุกคนในครอบครัวอยากให้ติดคุกไปนานๆ เพื่อจะไม่ได้กลับมาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก
เช่นเดียวกันกับ นางสาวพรพิมล ชัยสงค์ น้องสาวของผู้ก่อเหตุ อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 1 บ้านศรีบุญเรือง ต.ศรีบุญเรือง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู เล่าว่าตนเองรู้สึกอับอายกับพฤติกรรมของพี่ชาย คนในครอบครัวมีเพียงแม่ที่มีอายุมาก มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ด้วยกัน 3 คน โดยนายอุบลฯเป็นลูกคนที่ 2 มีครอบครัวและมีลูกสาว วันๆไม่มีอาชีพอะไรเที่ยวแต่ขอเงินแม่และคนในครอบครัว ภรรยาก็จัดว่ามีพฤติกรรมประเภทเดียวกัน
ขณะที่ลูกสาวของนายอุบลฯไม่กล้ากลับบ้านกลัวพ่อจะทำร้าย ขณะที่อยู่บ้านก็เก็บตัวเงียบไม่ค่อยไปสุงสิงกับใคร แต่เมื่อคลุ้มคลั่งมาทุกอย่างที่ขวางหน้าทุกอย่างจะถูกทำลาย และนำไปเผาข้างบ้านไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น เครื่องชักผ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ในห้องครัว ตู้เสื้อผ้า ของใช้สำคัญจะทุบทำลายแล้วเอาไปขายเป็นของเก่า พฤติกรรมอย่างนี้ซ้ำซาก
ในขณะที่พ่อค้าแม่ค้าในหมู่บ้านสุดจะทนหลายครั้งเข้าไปหยิบเอาข้าวของและไม่จ่ายเงิน แถมทุบทำลายข้าวของในบ้าน แม้แต่จักรยานยนต์ยืมไปขับขี่ก็ทุบกระจกหน้าปัดรถจักรยานยนต์จนญาติพี่น้องต้องเอารถไปซ่อนไว้ ถามว่าเมื่อกระทำผิดอย่างนี้แล้วได้รับโทษเบาเกินไปเสร็จแล้วก็ปล่อยออกมาอีก อยากให้ดำเนินคดีกับพี่คนนี้ให้ถึงที่สุด คนในครอบครัวไม่ติดใจ อยากให้สำนึกผิดบ้าง ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์ หนองบัวลำภู /ภาพและข่าว
แสดงความคิดเห็น