Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

ร้อยเอ็ด-จิราพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดงานบุญบั้งไฟอำเภอพนมไพร 2568 อย่างยิ่งใหญ่ soft power จังหวัดร้อยเอ็ด เมืองบั้งไฟจุด 10 ล้านแห่งแรกของโลก

 วันนี้( 10 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน ประเพณีบุญบั้งไฟอำเภอพนมไพร ประจำปี 2568 ณ เวทีกลางหน้าสำนักงานสาธารณสุขอำเภอพนมไพร อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด  โดยมี นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการ
จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวพนมไพร นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก  การจัดงานในครั้งนี้เพื่อ อนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันทรงคุณค่าของชาวอีสาน โดยเฉพาะอำเภอพนมไพร ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด "บั้งไฟ 10 ล้าน
แห่งแรกของโลก" นับเป็น soft power ที่โดดเด่นของจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้สู่ชุมชน สำหรับกิจกรรมภายในงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 11 มิถุนายน 2568 โดยวันที่ 9 เป็นวันโฮม วันเซิ้ง และพิธีบวงสรวงองค์พระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ วัน
ที่ 10 เป็นวันเปิดงานและขบวนแห่บั้งไฟเอ้สุดตระการตา ส่วนวันที่ 11 ถือเป็นวันจุดบั้งไฟ ซึ่งจะมีการจุดบั้งไฟจำนวนมากกว่า 1,000 บั้ง รวมถึง บั้งไฟขนาด 10 ล้านแห่งแรกในโลก ณ บ้านดอนพระจันทร์ อำเภอพนมไพร กิจกรรมเด่นอื่น ๆ ได้แก่การประกวดขบวนแห่บั้งไฟเอ้สวยงาม ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระ
กนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพฯ การประกวดสาวงาม “นางป้าย” ขบวนฟ้อนรำโดยคณะนางรำชื่อดัง การละเล่นและแสดงศิลปวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับตำนานบั้งไฟ ทั้งนี้ ประเพณีบุญบั้งไฟพนมไพร ถือเป็น “นัดหมายร่วมกัน” ของคนในพื้นที่ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 7
ชาวอำเภอพนมไพรจะเดินทางกลับบ้านเพื่อร่วมถวายบั้งไฟแก่ องค์พระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ เสริมสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว พร้อมร่วมแรงร่วมใจบริจาคจัดงาน สะท้อนพลังศรัทธาและความสามัคคีของชุมชนที่ยังคงแข็งแรงไม่เสื่อมคลาย นับเป็นอีกหนึ่งงานประเพณีสำคัญของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ช่วยสร้างความภูมิใจแก่คนในพื้นที่ และเปิดโอกาสให้คนไทยและชาวต่างชาติได้รู้จัก “พนมไพร” ในมิติของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใดในโลก///ภาพข่าว///คมกฤช พวงศรีเคน ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดร้อยเอ็ด

แขกกร่างป่วนเมือง! 4 แขกอินเดียยกพวกใช้เหล็กทุบหัวเพื่อนร่วมชาติ เย็บ 4 เข็ม อ้างมี “กุมาร” คุ้มหัว ยื่นเอกสารปลอมตบตาตำรวจ ก่อนหายตัวลึกลับ

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 10 มิ.ย. 68 ร.ต.ท.จิระเดช หุ่นทอง สว. (สอบสวน) สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทรุนแรง ระหว่างชาวอินเดียด้วยกันเอง บริเวณถนนสายบ้านฉาง-พยูน ม.6 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บต้องเย็บแผลถึง 4 เข็ม
ผู้เสียหายคือนายยาเดย์ รวิจันทรา อายุ 27 ปี สัญชาติอินเดีย ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่า ขณะเดินทางกลับจากทำธุระส่วนตัว พอมาถึงจุดเกิดเหตุ ถูกนายราหุล ยาดัฟ ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเวฟ สีแดง-ดำ มาดักหน้า จากนั้นได้ลงจากรถแล้วใช้กุญแจรถทุบเข้าที่ศีรษะ ใบหน้า และหลังหู ถึง 2 ครั้ง จนเลือดอาบ ต้องเย็บถึง 4 เข็ม
ต่อมาไม่นาน นายจ้างได้นำเอกสารมาแสดงกับตำรวจ ทำให้ชาวอินเดียทั้ง 3 คนถูกปล่อยตัวอย่างไร้ข้อหา แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะญาติของผู้บาดเจ็บได้ตรวจสอบพบว่า เอกสารพาสปอร์ตที่นำมายืนยันนั้น “ปลอม” หรือเป็นของบุคคลอื่น ไม่ตรงกับตัวผู้ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพาสปอร์ตของชายทั้ง 3 พบว่าไม่มีเอกสารติดตัว โดยอ้างว่าอยู่กับนายจ้าง จึงควบคุมตัวทั้งหมดไปยัง สภ.ห้วยโป่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มดังกล่าวอาศัยอยู่ เพื่อรอให้นายจ้างนำเอกสารมายืนยัน

 ต่อมาไม่นาน นายจ้างได้นำเอกสารมาแสดงกับตำรวจ ทำให้ชาวอินเดียทั้ง 3 คนถูกปล่อยตัวอย่างไร้ข้อหา แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะญาติของผู้บาดเจ็บได้ตรวจสอบพบว่า เอกสารพาสปอร์ตที่นำมายืนยันนั้น “ปลอม” หรือเป็นของบุคคลอื่น ไม่ตรงกับตัวผู้ถูกควบคุมตัวแต่อย่าง

ล่าสุดผู้เสียหายได้ร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมขอให้เร่งติดตามตัวนายราหุล หัวโจกที่ลงมือทำร้าย ซึ่งมีข่าวลือหนาหูว่าเป็นลูกน้องของ “กุมาร” ตัวใหญ่ในวงการที่คอยคุ้มกันอยู่เบื้องหลัง จนถึงขณะนี้ยังคงหลบหนีไร้ร่องรอยอย่างลึกลับ


เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมตรวจสอบเอกสารทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อเอาผิดตามกฎหมายต่อไป โดยเฉพาะการยื่นเอกสารปลอมเพื่อปิดบังข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเข้าข่ายความผิดหลายกระทง


ทีมข่าว news 24

ร้อยเอ็ด-จิราพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดงานบุญบั้งไฟอำเภอพนมไพร 2568 อย่างยิ่งใหญ่ soft power จังหวัดร้อยเอ็ด เมืองบั้งไฟจุด 10 ล้านแห่งแรกของโลก

 วันนี้( 10 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน ประเพณีบุญบั้งไฟอำเภอพนมไพร ประจำปี 2568 ณ เวทีกลางหน้าสำนักงานสาธารณสุขอำเภอพนมไพร อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด  โดยมี นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการ
จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวพนมไพร นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก  การจัดงานในครั้งนี้เพื่อ อนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันทรงคุณค่าของชาวอีสาน โดยเฉพาะอำเภอพนมไพร ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด "บั้งไฟ 10 ล้านแห่งแรกของโลก" นับเป็น soft power ที่โดดเด่นของจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้สู่ชุมชน
สำหรับกิจกรรมภายในงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 11 มิถุนายน 2568 โดยวันที่ 9 เป็นวันโฮม วันเซิ้ง และพิธีบวงสรวงองค์พระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ วันที่ 10 เป็นวันเปิดงานและขบวนแห่บั้งไฟเอ้สุดตระการตา ส่วนวันที่ 11 ถือเป็นวันจุดบั้งไฟ ซึ่งจะมีการจุดบั้งไฟจำนวนมากกว่า 1,000 บั้ง รวมถึง บั้งไฟขนาด 10 ล้านแห่งแรกในโลก ณ บ้านดอนพระจันทร์ อำเภอพนมไพร กิจกรรมเด่นอื่น ๆ ได้แก่การประกวดขบวนแห่บั้งไฟเอ้สวยงาม ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระ
กนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพฯ การประกวดสาวงาม “นางป้าย” ขบวนฟ้อนรำโดยคณะนางรำชื่อดัง การละเล่นและแสดงศิลปวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับตำนานบั้งไฟ ทั้งนี้ ประเพณีบุญบั้งไฟพนมไพร ถือเป็น “นัดหมายร่วมกัน” ของคนในพื้นที่ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 7 ชาวอำเภอพนมไพรจะเดินทางกลับบ้านเพื่อร่วมถวายบั้งไฟแก่ องค์พระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ เสริมสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว พร้อมร่วมแรงร่วมใจบริจาคจัด
งาน สะท้อนพลังศรัทธาและความสามัคคีของชุมชนที่ยังคงแข็งแรงไม่เสื่อมคลาย นับเป็นอีกหนึ่งงานประเพณีสำคัญของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ช่วยสร้างความภูมิใจแก่คนในพื้นที่ และเปิดโอกาสให้คนไทยและชาวต่างชาติได้รู้จัก “พนมไพร” ในมิติของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใดในโลก///ภาพข่าว///คมกฤช พวงศรีเคน ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดร้อยเอ็ด

ปราจีนบุรี คณะกลองยาวแห่กลองยาวเผามือกลอง

วันที่10มิย.68 ที่วัดโพธิญาณ (เกาะเค็ด)ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี คณะกลองยาว(ลำยองกลองยาว)ได้นำคณะกลองยาวแห่หน้าศพของนายนาวี วาดถนน อายุ 57 ปีได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 6มิย.68ที่ผ่านมาเป็นมือกลองของคณะกลองยาว และเป็นลูกน้องของหัวหน้าคณะกลองยาวซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
หลังจากที่สูญเสียลูกน้องคนสำคัญที่ร่วมงานกันมายาวนานทุกคนก็รู้สึกเสียใจกับการจากไปของผู้เสียชีวิต เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายจึงนำกลองยาวมาตีให้ดวงวิญญาณได้ดู และจะมีการตีกลองยาวแห่รอบเมรุอีกด้วย สวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 คืนนายลำยอง แก้วตา หัวหน้าคณะกลองยาวและผู้รับ
เหมากล่าวว่า ผู้ตายเป็นมือกลองคนสำคัญของคณะกลองยาว ตนเองเป็นผู้รับเหมาซึ่งผู้ตายก็เป็นลูกน้องของตนเองด้วย เลยนึกถึงเขาเลยเอากลองมาตีให้เขาเพราะตีกลองยาวมาด้วยกัน ขอให้ดวงวิญญาณนายนาวีไปอยู่ดีแสนสุข คนเราจากกันแล้วก็ต้องทำสิ่งดีๆให้กันสามเณรรติพันธ์ วาดถนน (ลูกชาย) กล่าวว่าไม่ต้องห่วงลูก
ลูกโตแล้วและจะดูแลอาแทนพ่อให้ไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งภายในพิธีฌาปนกิจศพได้นำเสื้อผ้าชุดกีฬาของผู้เสียชีวิตมาประดับไว้ให้ผู้มาร่วมงานเห็น ผู้เสียชีวิตเป็นคนชื่นชอบฟุตบอลและชอบทีมฟุตบอลในดวงใจ ซึ่งมีผู้มาร่วมงานฌาปนกิจศพสองร้อยคน///ภาพข่าว//วุฒิบัณฑิต เขียวศิริ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี

คทง. ปรับปรุงระเบียบฯ เห็นชอบ ร่าง การขึ้นทะเบียนหนี้และการเพิกถอนทะเบียนหนี้ เตรียมเสนอบอร์ดหนี้ฯ พิจารณา

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร นายสมบูรณ์ จิตรเพ็ญ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานปรับปรุง ระเบียบ ประกาศ     ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหนี้ของเกษตรกร ครั้งที่ 7/2568  โดยมี ผอ.สำนักจัดการหนี้ฯ รอง ผอ.สำนักจัดการหนี้ฯ
หน.ปรับโครงสร้างหนี้ฯ  ผู้แทนสำนักกฎหมาย ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้าร่วมประชุม   โดยที่ในที่ประชุมได้พิจารณา (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ 2 ฉบับ และในที่ประชุมได้มีมติดังนี้ 1. เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เรื่องการขึ้นทะเบียนหนี้และการเพิกถอนทะเบียนหนี้ 2.
เห็นชอบให้สำนักงาน ตรวจสอบความถูกต้อง แก้ไข (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการจัดการหนี้ เรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาอุทธรณ์การขึ้นทะเบียนหนี้และการจัดการหนี้ของเกษตรกร พ.ศ.... ให้ครอบคลุมกับพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามข้อเสนอแนะของคณะทำงาน โดยให้นำเข้าที่ประชุม ในวันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน ต่อไป/////ภาพข่าว//ชลิต สังว่อง///ทีมข่าวนิวส์24สถานีประชาชน

“วุฒิสภา” ลงพื้นที่หัวหิน ลุยแก้จราจร-เสริมแผนรับนักท่องเที่ยวทะลักหลังถนนพระราม 2 เสร็จ

10 มิถุนายน 2568 — คณะอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและกีฬา วุฒิสภา นำโดย พล.ต.ต. อังกูร คล้ายคลึง ประธานคณะฯ ลงพื้นที่เทศบาลนครหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อหารือแนวทางยกระดับการท่องเที่ยวและความปลอดภัยในพื้นที่ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น และภาคเอกชน
ประเด็นสำคัญคือการเตรียมความพร้อมรับการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวในอนาคต เมื่อถนนพระราม 2 แล้วเสร็จ พล.ต.ต. อังกูร ชี้ว่า แม้ปัญหาไม่ได้อยู่ในพื้นที่โดยตรง แต่หัวหินต้องวางแผนรองรับ ทั้งการแก้จุดติดขัดเรื่องไฟแดง ถนนชำรุด และเพิ่มความคล่องตัวด้านจราจร เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวก ปลอดภัย และประทับใจ
จังหวัดประจวบฯ รายงานความพร้อมด้านความปลอดภัย โดยมีศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งในเมืองและหัวหิน ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานสนับสนุนที่พร้อมดูแลนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
ด้านเทศบาลนครหัวหิน เผยแผนพัฒนาพื้นที่สู่ “เมืองท่องเที่ยวปลอดภัย” ด้วยแนวคิดเมืองอัจฉริยะ เมืองสุขภาพ และเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน พร้อมจับมือสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ ยกระดับศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาด
หลังประชุม คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ลงพื้นที่ศึกษาจุดชมปล่อยปูม้า “ธนาคารปูม้าเขาตะเกียบ” รวมถึงสถานีรถไฟหัวหิน และท่าอากาศยานหัวหิน เพื่อประเมินระบบการเดินทางและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในทุกมิติ




 

“ท่องเที่ยวต้องปลอดภัย” วุฒิสภาเดินหน้าผ่าทางตันสำรวจจุดเสี่ยง “สมุทรสาคร – สมุทรสงคราม”

วันที่ 8 มิถุนายน 2568 คณะอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา นำโดย พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ ดร.นิคม มากรุ่งแจ้ง สมาชิกวุฒิสภา และคณะอนุกรรมาธิการฯ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อประชุมรับทราบนโยบายการสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสาคร โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย ดร.พรรณพิมล ฉายาจิตชยวัศ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรสาคร นายชัยวิทย์ เผื่อนอุดม ผอ.ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม พ.ต.อ.อดุลย์ชัย เผ่าพันธุ์ศร รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร นายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรสาคร นายชัยพร ศิริพงษ์เวคิน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมให้การต้อนรับและให้ข้อมูลนโยบายการสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
 นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรสาครนั้น มีปัญหาใหญ่ๆ ที่พบ คือ เส้นทางคมนาคมบนถนนพระราม 2 ที่ยังคงเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางผ่านถนนเส้นดังกล่าว ซึ่งไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ขยายไปถึงเรื่องการค้าขายอาหารทะเล และร้านอาหารในจังหวัดฯ อีกด้วย โดยเรื่องนี้ได้มีการรายงานให้ทางรัฐมนตรีและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นผลตามที่ร้องขอ จึงต้องการให้มีการผลักดันให้เปิดใช้ทางในบางจุดเพื่อให้เกิดการสัญจรที่สะดวกมากยิ่งขึ้น และระบายการจราจรที่แออัดบนถนนพระราม 2 เช่น สะพานแยกต่างระดับบ้านแพ้ว ระบายรถเข้าสู่ถนนสายบ้านแพ้ว–พระประโทน
นอกจากนี้ ในด้านการป้องกันและควบคุมการก่ออาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่นักเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดสมุทรสาครนั้น ได้สั่งการจัดระเบียบสังคม บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น จริงจัง ต่อเนื่อง ภายใต้นโยบาย 8 มาตรการ
ด้าน พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานคณะอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครในครั้งนี้ เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับจากในพื้นที่ฯ เข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อวางแนวทาง มาตรการ และนโยบายการสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสาคร

ภายหลังจากรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานภายในจังหวัดสมุทรสาครแล้ว คณะอนุกรรมาธิการด้านความปลอดภัยการท่องเที่ยว วุฒิสภา ได้เดินทางไปสังเกตการณ์ถนนสาครบุรี ที่มีทางรถไฟตัดผ่านเป็นแนวเดียวกับถนน จากนนั้นได้นั่งรถไฟขบวน 4385 จากสถานีบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสาคร ปลายทางสถานีแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อศึกษาดูงานมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว

และตรวจเยี่ยมชุมชนตลาดร่มหุบ ณ สถานีรถไฟแม่กลอง