Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

สกก.เมืองอุตรดิตถ์ สืบสานประเพณีเทศกาลสงกรานต์ จัดพิธีสรงน้ำพระ รดน้ำ ขอพร ผู้สูงอายุ ปี 2568

เมื่อเวลา 17.30 น.ของวันที่ 25 เมษายน 2568 ที่สหกรณ์การเกษตรเมืองอุตรดิตถ์ จำกัด นายพีระศักดิ์  พอจิต ประธานที่ปรึกษา สกก.เมืองอุตรดิตถ์ จก.มาเป็นประธานในงานสืบสานประเพณีเทศกาลสงกรานต์ จัดพิธีสรงน้ำพระ รดน้ำ ขอพร ผู้สูงอายุ  ประจำปี 2568 พร้อมด้วย นายกฤตพจน์  ไชโย สหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์และนายประพันธ์  มายรรยง  ผจก.สกก.เมืองอุตรดิตถ์ จำกัด นายเฉลา  ทองเณร  ประธานกรรมการ สกก.เมืองอุตรดิตถ์ จำกัด และคณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ พนักงาน และตัวแทนสมาชิก สกก.เมืองอุตรดิตถ์  จำกัด จาก 16 ตำบล อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ร่วมใจกันจัดกิจกรรม “สืบสานงานประเพณีเทศกาลสงกรานต์ จัดพิธีสรงน้ำพระ รดน้ำ ขอพร ผู้สูงอายุ ของชาวสหกรณ์การเกษตรเมืองอุตรดิตถ์
นายเฉลา  ทองเณร ประธานกรรมการสหกรณ์ฯ และนายประพันธ์  มายรรยง  ผู้จัดการสหกรณ์ฯ นำเจ้าหน้าที่ พนักงาน  คณะกรรมการ และตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ฯ สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว ขอพร ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสมาขิก สกก.เมืองอุตรดิตถ์ จำกัด สำหรับ สกก.เมืองอุตรดิตถ์ จำกัด ก้าวสู่ปีที่ 51  มีสถานะเป็นนิติบุคคล ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พุทธศักราช 2542  มีสมาชิก 9,757 ครอบครัว ครอบคลุม 16 ตำบล อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
นายประพันธ์   มายรรยง ผจก.สกก.เมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สกก.เมืองอุตรดิตถ์ จำกัด ร่วมสืบสานประเพณีสรงน้ำพระ รดน้ำ ขอพร  ผู้สูงอายุ ในงานเทศกาลสงกรานต์ ปีนี้ เนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ สมาชิกสหกรณ์ฯ ส่วนใหญ่ คือเกษตรกร ได้ใช้เวลาดังกล่าวอยู่กับครอบครัว ลูกหลานที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัด เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของไทยที่สืบทอดกันมาและเพื่อเป็นสิริมงคล  ขวัญกำลังใจแก่ลูกหลาน สมาชิกทางสหกรณ์ฯ   จึงได้จัดงานดังกล่าวขึ้นโดยให้ตัวแทนสมาชิกสหกรณ์ฯ สรงน้ำพระ รดน้ำ ขอพร คณะผู้บริหาร คณะกรรมการและผู้สูงอายุของสหกรณ์ฯ พร้อมทั้งถือโอกาสพบปะ สังสรรค์ พร้อมรับพรเนื่องในโอกาสปีใหม่ไทย














(นายประสิทธิ์   ผึ้งสุข /จ.อุตรดิตถ์/มือถือ.086-1999966)
 

“สุรินทร์ทลายเครือข่ายยานรก ยึดทรัพย์ 36 ล้าน แถลงจับกุม 3 ผู้ต้องหา”

ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังและครอบคลุมทุกมิติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.บช.ปส., พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.3/รับผิดชอบ ศอ.ปส.(ยาเสพติด) ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่

วันพฤหัสบดีที่ 24 เม.ย.68 เวลา 09.00 น. ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ. เชษฐา เชยชุ่ม รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์  และพ.ต.อ.จักริน อุ่นดี ผกก.ตชด.21 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย ทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งการขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนี และยึดทรัพย์ผู้ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทุกราย

 ผลการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย จาก 2 คดี ตรวจยึดยาบ้ารวมกว่า 50,201 เม็ด พร้อมทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องรวมมูลค่ากว่า 36.7 ล้านบาท

 คดีที่ 1 (จับกุมวันที่ 19 เม.ย. 2568) จับกุมผู้ต้องหา 2 รายในพื้นที่ อ.ศีขรภูมิ พร้อมของกลางยาบ้า 6,201 เม็ด อาวุธปืน และเครื่องกระสุน ขยายผลพบว่าผู้ต้องหาเชื่อมโยงกับการสั่งซื้อยาเสพติดจำนวนมากผ่านช่องทางออนไลน์

คดีที่ 2 (จับกุมวันที่ 22 เม.ย. 2568) จับกุมผู้ต้องหา 1 รายในพื้นที่ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ พร้อมของกลางยาบ้า 44,000 เม็ด ผู้ต้องหาทำหน้าที่รับยาเสพติดจากเครือข่ายลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และนำไปวางในจุดนัดส่ง

พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ เปิดเผยว่า ตำรวจจะเดินหน้าขยายผลเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง พร้อมยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทุกราย โดยใช้แนวทางเชิงรุก ป้องกัน ปราบปราม และตัดวงจรยาเสพติดในพื้นที่ให้หมดสิ้น ปฏิบัติการครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างเข้มแข็งของตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยทหารในพื้นที่ ที่สนธิกำลังร่วมกันสกัดกั้นภัยคุกคามจากยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม
ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ยืนยันเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ในการทำลายเครือข่ายยาเสพติดในทุกพื้นที่ เพื่อความสงบสุขของประชาชน



 อัศววัฒน์ พัฒน์ทองกนก News24 จ.สุรินทร์ รายงาน

ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดนนทบุรี พร้อมสมาชิก อส. สังกัดร้อย.อส.อ.บางบัวทอง นบ.3 บูรณาการร่วมกับ สภ.บางบัวทอง ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการเล่นตู้คีบตุ๊กตาไฟฟ้า และตู้คีบกล่องสุ่ม

   วันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2568 เวลา 10.30 น. ฝ่ายความมั่นคงอำเภอบางบัวทองได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน ว่ามีการเล่นตู้คีบตุ๊กตาไฟฟ้า และตู้คีบกล่องสุ่ม อันเป็นการมอมเมาเยาวชนและประชาชนทั่วไป และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน อีกทั้งกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญ โดยมีนโยบายไม่อนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันในบัญชี ข. หมายเลข 28 (เครื่องหยิบจับตุ๊กตาอัตโนมัติ) ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งเครื่องเล่นดังกล่าว
หากจัดให้มีขึ้นซึ่งเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แก่ผู้จัดโดยทางตรงหรือทางอ้อม และมีลักษณะเป็นการเล่นที่มีได้มีเสีย หรือสามารถจูงใจให้เด็กและเยาวชนเข้าเล่นโดยง่าย อันอาจก่อให้เกิดการมอมเมาเด็กและเยาวชนได้ง่าย เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กและเยาวชนใช้จ่ายเงินโดยสิ้นเปลือง ซึ่งเพื่อเป็นการคุ้มครองเด็กและเยาวชนมิให้ลุ่มหลงอยู่กับอบายมุข จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ      ภายใต้การอำนวยการของนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี, นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี, นายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล ปลัดจังหวัดนนทบุรี และนายไพโรจน์ จึงธนาเจริญ นายอำเภอบางบัวทอง ได้สั่งการให้นายยศวัฒน์ คงมี ปลัดอาวุโส และนายปวีณวัช ปาระมีศรี ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมสมาชิก อส. สังกัดร้อย.อส.อ.บางบัวทอง นบ.3 บูรณาการร่วมกับ สภ.บางบัวทอง ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
  ผลการปฏิบัติ จากการสืบสวน พิสูจน์ทราบว่า มีตู้คีบตุ๊กตาไฟฟ้า อยู่ที่บริเวณหน้าร้าน Top , Big C Mini และตลาดพิมลราช ภายในซอยที่ดินบางบัวทอง หมู่ 2 ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด จึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ เมื่อไปสถานที่ดังกล่าวพบ ตู้คีบตุ๊กตาไฟฟ้ายี่ห้อ Happy Doll จำนวน 1 ตู้ , Happy Moment 2 ตู้ และตู้กล่องสุ่มยี่ห้อ Luckky Papa จำนวน 1 ตู้  จำนวนรวมทั้งหมด 4 ตู้ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบพนักงานผู้ดูแล และไม่พบผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของ ไม่สามารถพิสูจน์ผู้ครอบครองที่แท้จริงได้ จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดไว้ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อติดตามหาเจ้าของสถานที่และผู้ครอบครองที่แท้จริง หรือเพื่อเป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




 

“มนพร” เร่งเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสาร "สนามบินสุราษฎร์ฯ" สั่ง ทย. เสริมแกร่งด้านความปลอดภัย ยกระดับสนามบินสู่มาตรฐานสากล

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วานนี้ (24 เมษายน 2568) ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าของแผนงานต่าง ๆ โดยเฉพาะการดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ซึ่งประกอบด้วย งานก่อสร้างเสริมความแข็งแรงทางวิ่งและงานก่อสร้างทางขับขนาน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน วงเงินงบประมาณ 799 ล้านบาท ขณะนี้การดำเนินงานมีความคืบหน้าแล้วกว่า 90.50% เมื่อแล้วเสร็จท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีจะสามารถรองรับอากาศยานขนาดใหญ่ได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งสามารถรองรับการขึ้น - ลงของอากาศยานจากเดิม 9 ลำ เป็น 18 ลำ ต่อชั่วโมง และรองรับอากาศยานสำหรับเส้นทางบินระหว่างประเทศได้มากขึ้นด้วย
นางมนพร กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีให้สามารถรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัยภายในพื้นที่ท่าอากาศยาน จึงได้สั่งการให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เร่งดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพท่าอากาศยาน ปีงบประมาณ 2568 โดยการเพิ่มขีดความสามารถโครงสร้างพื้นฐาน ครุภัณฑ์ด้านความปลอดภัยและรักษาความปลอดภัย ทั้งการจัดซื้อรถดับเพลิงเพิ่มเติม การจัดซื้อเครื่องตรวจอาวุธแบบเดินผ่าน เครื่อง X-RAY แบบ Dual View X-RAY เครื่องตรวจสารวัตถุระเบิดแบบตั้งโต๊ะ (ETD) ระบบตรวจการณ์พื้นที่การบินแบบกล้อง Panorama ปรับปรุงระบบการตรวจอาวุธและวัตถุระเบิดแบบ EDS ระบบ Digital Camera และระบบควบคุมพื้นที่อาคารผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อผู้โดยสาร บุคลากรและทรัพย์สิน ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อภารกิจด้านความปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที และยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้สอดคล้องกับข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
นอกจากนี้ นางมนพร ได้สั่งการให้ ทย. จัดพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารให้มีความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว เพื่อลดความแออัดของผู้โดยสาร โดยเฉพาะบริเวณจุด Check in และการลำเลียงกระเป๋า เน้นย้ำความสะอาดบริเวณภายในท่าอากาศยาน การจัดเตรียมพื้นที่และจัดระเบียบบริการขนส่งสาธารณะภายในท่าอากาศยานต้องไม่ติดขัดและเพียงพอกับผู้โดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้กับประชาชนได้อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงจัดกิจกรรมภายในท่าอากาศยานตามแนวคิด “สนามบินมีชีวิต” เพื่อประชาสัมพันธ์จุดเด่นการท่องเที่ยวและการสร้างอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ ปัจจุบันอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1,400 คนต่อชั่วโมง หรือ 4 ล้านคนต่อปี ลานจอดรถยนต์ 210 คัน ลานจอดอากาศยาน แบ่งเป็น 11 หลุมจอด รองรับอากาศยานขนาดใหญ่ A330 และ B777 ได้ 10 ลำ ในเวลาเดียวกัน หรือรองรับอากาศยานขนาดเล็ก A320 และ B737 ได้ 19 ลำ ในเวลาเดียวกัน ทางวิ่งยาว 3,000 เมตร กว้าง 45 เมตร รองรับได้ 9 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รวมทั้งได้เปิดให้บริการศูนย์ขนส่งผู้โดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และในอนาคตมีโครงการปรับปรุงตกแต่งภายในอาคารที่พักผู้โดยสารเพื่อสร้างอัตลักษณ์ของจังหวัด ตามนโยบาย “สนามบินมีชีวิต” ของนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยอยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2569











 

ศปป.3 กอ.รมน. ขับเคลื่อนความร่วมมือ ปราบปรามหนังสือปลอม ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

วันที่ 24 เมษายน 2568 พลโท ชนินทร์  สิงหนาทนิติรักษ์ ผอ.ศปป.3 กอ.รมน. เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักพิมพ์ชั้นนำ ได้แก่ อมรินทร์, ซีเอ็ด, บิบลิโอ, วีเลิร์น, รวมถึงตัวแทนจาก ลาซาด้า และ ช้อปปี้ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือ ป้องกันและปราบปรามหนังสือปลอม ทั้งในตลาดทั่วไปและสื่อสังคมออนไลน์ ณ ห้องประชุม ศปป.3 กอ.รมน.

รับทราบสถานการณ์การลักลอบจำหน่ายหนังสือปลอม ที่ส่งผลกระทบต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
ศปป.3 กอ.รมน. ได้นำเสนอแผนปฏิบัติการเชิงรุก ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อบังคับใช้กฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนยืนยันความร่วมมือ พร้อมร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการปราบปรามและป้องกันอย่างต่อเนื่อง

 การบูรณาการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ กอ.รมน. ในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึง ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ของประเทศครับ