จากกรณี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายเเดนที่135 เฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดที่อาศัยเส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 323 สังขละบุรี-ทองผาภูมิ-ไทรโยค-กาญจนบุรี อย่างเข้มข้นนั้น 


ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่าเมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ 4 ก.พ.68 พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม รรท.ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.บัญชา ศรีรุจิเมธากร รรท.ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.ธีรพร วิจิตรบรรณการ รอง ผกก.สส.สภ.ทองผาภูมิว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ข้างต้นร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.มองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

พบรถยนต์กระบะยี่โตโยต้า 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร ขับมาจากทางด้าน อ.สังขละบุรี มุ่งหน้าจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อมาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น จากการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จากอาการของคนขับนั้นมีพิรุธให้เห็นได้อย่างเห็นชัด เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจตรวจค้นรถยนต์กระบะคันดังกล่าวอย่างละเอียด 


ในที่สุดก็พบเฮโรอีน ตราสิงโตเหยียบลูกโลก ยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 1 ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับบริเวณฝากระบะท้าย จำนวน 15 แท่ง น้ำหนักรวมกัน 5 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวนายอรัญ คนขับเอาไว้พร้อมกับนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.)สภ.ทองผาภูมิ 


จากการสอบสวนเบื้องต้น นายอรัญ ผู้ต้องหาให้การว่า ยาเสพติดจำนวนดังกล่าวตนไปรับมากจากฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา ด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติบริเวณบ้านบ่อญี่ปุ่นในการเดินทาง หลังจากซุกซ่อนเฮโรอีนเอาไว้ที่ฝาท้ายกระบะแล้วเสร็จ ตนจึงขับรถข้ามฝั่งมายังประเทศไทย ระหว่างที่กำลังนำยาเสพติดไปส่งให้กับนายทุนที่บริเวณถนนอู่ทอง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเงิน จำนวน 50,000 บาท แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน หลังจากผู้ต้องหายอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับนายอรัญ ผู้ต้องหา ไม่ได้ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาเพียงคนเดียว แต่มีแม่ยาย รวมถึงภรรยา และลูกชายอายุ ประมาณ 11 ขวบนั่งโดยสารมาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบปากคำเพิ่มเติมว่าแม่ยาย และภรรยามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน โดยหลังถูกจับกุมตัว ภรรยารวมถึงแม่ยายต่างร้องให้ออกมาด้วยความเสียใจ

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา   ไหลวารินทร์


แสดงความคิดเห็น