ไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัวถึงขั้นต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบ บางคนต้องขายวัว และทองรูปพรรณที่มี เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว หมุนเวียนบริหารจัดการในฟาร์ม ทั้งจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแกลบ และอุปกรณ์ที่เป็นต้นทุนในการรับจ้างเลี้ยงไก่ ที่ผ่านมาเคยไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด และยุติธรรมจังหวัด แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าหรือได้รับความเป็นธรรม จึงได้พากันนำหลักฐานมาแจ้งความร้องทุกข์ เพราะเชื่อว่าผู้ประกอบการมีเจตนาจะเบี้ยวหรือโกงเงินเกษตรกรที่รับจ้างเลี้ยงไก่ เพราะกระทำลักษณะนี้กับเกษตรกรหลายราย
นางทรัพย์ รักษา ผู้เสียหายที่เป็นเกษตรกรฟาร์มเลี้ยงไก่รายย่อยแห่งหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ บอกว่า ที่ผู้เสียหายรวมตัวกันมาแจ้งความที่ สภ.ลำปลายมาศ ในครั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมาเคยไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รวมถึงยุติธรรมจังหวัด ก็ยังไม่มีความชักเจนหรือได้รับความเป็นธรรมเลย จึงได้พากันมาแจ้งความร้องทุกข์เพราะชื่อว่าผู้ประกอบมีเจตนาจะหลอกลวงหรือฉ้อโกง เพราะถ้าไม่มีเจตนาจะโกงก็ควรจะพูดคุยเจรจากัน เพราะมีเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนหลายรายทั้ง 2 จังหวัดก็ประมาณ 13 ราย คิดเป็นความเสียหายรวมกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเกษตรกรผู้รับเลี้ยงต้องลงทุนไปก่อนทั้งจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ในการรับเลี้ยงไก่ เดือดร้อนมากเพราะต้องไปกู้ยืม ขายทรัพย์สินต่างๆที่มี เพื่อนำเงินไปหมุนเวียนบริหารจัดการในฟาร์มและใช้จ่ายในครอบครัว ก็หวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรมพ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี ผกก.สภ.ลำปลายมาศ กล่าวว่า ได้มีเกษตรกรมาร้องขอความช่วยเหลือกรณีที่รับจ้างเลี้ยงไก่แล้วก็ไม่ได้เงินตามที่ตกลงกัน ซึ่งจากการสอบถามเกษตรกรก็บอกว่าก่อนหน้านี้ได้ไปร้องหลายหน่วยงานแต่ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากนายทุนที่นำไก่มาจ้างเลี้ยง จึงได้นำเอกสารหลักฐานมาแจ้งความที่ สภ.ลำปลายมาศ ซึ่งก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อสอบปากคำเกษตรกรทุกราย รวบรวมข้อเท็จจริงและจะพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อเร่งรัดให้ความเป็นธรรมกับเกษตรกรทุกรายตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมายต่อไป
สุรชัย พิรักษา / บุรีรัมย์
แสดงความคิดเห็น