นายสุทนต์ กล้าการขาย สมาชิกวุฒิสภา จากจังหวัดอุทัยธานี ปรึกษาหารือ ประเด็นปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งได้ส่งผลกระทบในด้านสุขภาพและอนาคตของชาติ และเป็นวิกฤติที่รัฐบาลควรรีบดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขและองค์กรวิจัยระบุว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้ามีการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดใจ เช่น กลิ่นผลไม้หรือดีไซน์ที่ทันสมัยในวงกว้าง และมีอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากผลสำรวจสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของประเทศไทย ภายหลังมีการออกกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้าบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า[1] พบว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา ยังคงมีอัตรา
การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 0.14 (78
,742 คน) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่า และกลุ่มอายุตั้งแต่ 15 – 24 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงที่สุด[2] นอกจากนี้ผลการสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบใน
เยาวชนไทย (
Global Youth Tobacco Survey: GYTS) ในกลุ่มนักเรียนอายุ 13-15 ปี พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มเป็น 17.6% จากเดิมอยู่ที่ 3.3% และมีผู้เริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้าอายุน้อยที่สุดอยู่ที่ 7 ปี

สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อด้านสุขภาพของเด็กและเยาวชน สาเหตุเพราะสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ามีผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญาและอารมณ์ และผลวิจัยได้บ่งชี้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า โดยผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีภาวะซึมเศร้ามากกว่าผู้ไม่สูบถึงสองเท่า และหากเริ่มสูบในอายุน้อย
มากเท่าใด จะยิ่งเพิ่มโอกาสกลายเป็นผู้ที่จะต้องเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าไปตลอดชีวิตมากขึ้น
[1] นอกจากนี้
ยังส่งผลกระทบทางสังคม เพราะการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนอาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงใน
ระยะยาว เช่น การใช้ยาเสพติดชนิดอื่นร่วมด้วย

ดังนั้น กระผมจึงขอหารือท่านประธานวุฒิสภา ผ่านไปยังนายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลตระหนักและ
มีมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าไปสู่เด็กและเยาวชนอย่างเร่งด่วนในเชิกรุก มีการป้องกันมิให้ไปสู่สถาบันการศึกษา รวมทั้งควรมีการบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต




 

แสดงความคิดเห็น