ตา ยายชาวบุรีรัมย์เผาถ่านขายเลี้ยงหลาน 3 ชีวิตร้อง กฟภ.ตรวจสอบค่าไฟแพงขึ้นผิดปกติต่อเนื่องหลายเดือน เฉลี่ยเดือนละ 1,700 – 1,800 บาท จนไม่มีเงินจ่ายค่าไฟเพราะมีรายได้แค่จากการเผาถ่านและเบี้ยผู้สูงอายุ จึงถูกยกหม้อต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมานาน 4 เดือน ทั้งที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่กี่อย่างบางเดือนทดลองหยุดใช้เครื่องไฟฟ้าบางชิ้นแต่ค่าไฟก็ยังสูง บ้านที่อาศัยก็ถูกธนาคารยึดไม่รู้จะถูกขับไล่วันไหน
(28 ม.ค.68) นายอ้วน อู่สำราญ อายุ 71 ปี และนางนำ อู่สำราญ อายุ 72 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้านตามั๊วะ ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพเผาถ่านขายเลี้ยงชีพ และดูแลหลานสาวอีก 3 คน อายุ 1 ขวบ 3 ขวบและ 11 ขวบ ได้ออกมาร้องขอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากค่าไฟแพงขึ้นผิดปกติต่อเนื่องมาหลายเดือนละ เฉลี่ยเดือนละ 1,700 – 1,800 บาท ซึ่งแพงขึ้นเรื่อยๆจากก่อนหน้านี้ค่าไฟเดือนละ 1,300 – 1,400 บาท ทั้งที่ภายในบ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าแค่ไม่กี่อย่าง อาทิ ตู้เย็น หม้อหุงข้าว พัดลม ทีวี และหลอดไฟส่องสว่างในบ้านอีก 4 หลอนเท่านั้น ขณะที่ตา ยาย มีรายได้จากการเผาถ่านขายเฉลี่ยสัปดาห์ละ 400 – 500 บาท รวมกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคนละ 700 บาทต่อเดือน ก็จะมีรายได้เดือนละประมาณ 3,400 บาท แต่หากต้องจ่ายค่าไฟไป 1,800 บาท ก็จะเหลือใช้กินอยู่และเลี้ยงหลาน 3 คนเดือนละประมาณ 1,600 บาท ซึ่งไม่เพียงพอบางวันก็ตากับยายก็ต้องกินข้าวคลุกเกลือและน้ำปลา เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อนมให้หลานและให้ค่าขนมหลานคนโตไปโรงเรียน
ส่วนลูกชายที่เคยเป็นเสาหลักดูแลพ่อแม่ตอนที่ยังทำธุรกิจ ก็ถูกฟ้องยึดทรัพย์บ้านที่ดินที่พ่อแม่และหลานอาศัยอยู่ปัจจุบัน ก็ไม่รู้จะถูกขับไล่ออกวันไหน ส่วนลูกสาวซึ่งเป็นแม่ของหลานทั้ง 3 คน ก็ไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัดไม่ได้ติดต่อมาเกือบปีแล้ว ลูกชายอีกคนก็พิการทำงานไม่ได้ ตายายก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ 2 เดือน คือ เดือน ส.ค.และ ก.ย.2567 รวม 3,624 บาท จึงได้ถูกตัดไฟไม่มีไฟฟ้าใช้หลานๆ ต้องอยู่กับความมืดมานาน 4 เดือนแล้ว หุงข้าวทำกับข้าว และชงนมให้หลานก็ใช้เตาถ่าน ล่าสุดตา กับยายได้รับเงินในโครงการดิจิทัลคนละ 10,000 บาท ก็ตั้งใจจะเอาไปจ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ 3 พันกว่าบาทรวมค่าหม้ออีก 700 รวมแล้วก็ประมาณ 4 พันกว่าบาท
แต่ก่อนที่จะไปจ่ายก็อยากให้การไฟฟ้าช่วยตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน ว่าทำไมค่าไฟถึงแพงเดือนละ 1,800 บาททั้งมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่กี่อย่าง และก่อนที่จะถูกตัดไฟก็เคยไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยตรวจสอบให้แล้วครั้งหนึ่ง พอเจ้าหน้าที่มาเช็คดูก็แจ้งแค่ว่าตู้เย็นที่ใช้อยู่กินไฟมาก ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นปกติ ตากับยาจึงทดลองหยุดใช้ตู้เย็น แต่ค่าไฟก็ยังสูงเหมือนเดิมไม่ลดลงเลย จึงอยากรู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรค่าไฟถึงแพงมาก พอไปสอบถามเพื่อนบ้านที่เขามีทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้ามากกว่า และใช้เครื่องปรับอากาศด้วย แต่ค่าไฟก็ประมาณ 2,000 บาท ไปเล่าให้ใครฟังเขาก็ว่าค่าไฟมันแพงผิดปกติ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่มาช่วยตรวจสอบให้ด้วย เพราะหากเงินดิจิทัลที่รัฐบาลให้มากคนละ 10,000 บาทหมดแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าไฟ เพราะแค่ค่ากินอยู่และเลี้ยงหลานก็ไม่พอ
ตากับยาย ยังบอกด้วยว่า ลำพังตา ยายไม่มีไฟฟ้าใช้ก็ได้ แต่สงสารหลาน 3 คนโดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนก็ไม่มีพัดลมเปิดให้หลานๆ จึงอยากให้มีการตรวจสอบและช่วยเหลือด้วย
สุรชัย พิรักษา / บุรีรัมย์
แสดงความคิดเห็น