รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ คณะกรรมการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชน ลงพื้นที่เยี่ยมชมการเตรียมความพร้อม ของโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ ที่จะเปิดหีบอ้อยฤดูการผลิต ปี 2567/2568 วันที่ 6 ธ.ค.นี้ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 รวมถึงช่วงระหว่างการขนส่งอ้อยเข้าสู่โรงงานน้ำตาล เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน 



  เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 นายปิยะ ปิจนำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายประสงค์ ผลส่ง อุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ , นายมนูญศักดิ์ นามประเทือง นายอำเภอคูเมือง นำคณะกรรมการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA Mornitoring Committee) ,คณะอนุกรรมการบริหารส่วนท้องถิ่นเขต 12 จังหวัดบุรีรัมย์ ,หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เยี่ยมชมบริษัท โรงงานน้ำตาล บุรีรัมย์ จำกัด ตั้งอยู่ที่บ้านสาวเอ้ หมู่ที่ 2 ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ 



  เพื่อรับชมและทราบถึงแนวทางการเตรียมความพร้อม ในการเฝ้าระวังป้องกัน ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่อาจจะเกิดขึ้นกับชุมชนรอบข้าง เมื่อมีการเปิดหีบอ้อย ในช่วงเดือนธันวาคม 67 ถึงเดือน เมษายน 68 ที่กำลังจะเริ่มฤดูกาลเปิดหีบอ้อยในวันที่ 6 ธ.ค.นี้



  นางสาวทิวาพร บุญเชิด ผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพ บริษัท โรงงานน้ำตาล บุรีรัมย์ จำกัด เปิดเผยว่า ทางโรงงานได้มีการเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะมีการเปิดหีบอ้อยในปีการผลิต 2567/68 โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะเน้นในเรื่องของการจัดการฝุ่นที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นชานอ้อย หรือฝุ่นจากการจราจรตามท้องถนน ซึ่งโรงงานมีการตั้งแนวสแลนสูง 25 เมตร รอบกองชานอ้อย เพื่อป้องกันฝุ่นตามระบบลำเลียงสายพานที่มีการปิดคลุมอย่างมิดชิด ไปจนถึงจุดตกลงสู่พื้น รวมถึงมีเครื่องฉีดพ่นไอน้ำเพื่อปกคลุมฝุ่นที่จะเกิดขึ้นจากการลำเลียงอีกชั้น ส่วนท้องถนนก็จะมีการฉีดพรมน้ำถนนเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น รวมถึงได้ส่งทีม CSR ลงพื้นที่ชุมชนทุกวัน เพื่อเก็บข้อมูลกลับมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุง พัฒนา แก้ไข ให้เกิดความเหมาะสมกับชุมชนมากที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมดูแลในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตร เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่โรงงานน้ำตาลได้รับความเห็นชอบ 

  สำหรับในช่วงแรกของการหีบอ้อย จะมีการบริหารจัดการให้อ้อยเข้าสู่โรงงานอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ชาวไร่อ้อยต้องมาจอดรถรอนานจนเกินไป เพราะจะไม่ส่งผลดีต่อคุณภาพอ้อย และตัวเกษตรกรรวมถึงโรงงานด้วย โดยปีนี้ตั้งเป้าอ้อยเข้าสู่โรงงานอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 200,000 ตัน และเนื่องจากปีนี้ทางหน่วยงานราชการและทางผู้บริหารของบริษัทโรงน้ำตาลได้ตระหนักถึงกับการป้องกันการเผาอ้อย จึงได้มีการรับซื้อใบอ้อยมาทำเชื้อเพลิงให้กับกลุ่มโรงงานน้ำตาล ที่เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งพอมีการซื้อใบอ้อยในส่วนนี้ การรณรงค์ในเรื่องของการลดการเผาอ้อยจึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเชื่อว่าจะทำให้อ้อยเผาลดลงกว่าปีที่แล้ว ในปีที่แล้วจึงมีอ้อยสดเข้าโรงงานเกือบ 90% ส่วนอ้อยเผามีน้อยเป็นลำดับที่ 3 ของภาคอีสาน และคาดว่าในปีนี้คาดว่าจะมีอ้อยเผาไม่เกิน 10% เข้าสู่โรงงาน ซึ่งตอนนี้ทางโรงงานมีรถตัดอ้อยแล้วประมาณ 150 คัน ส่วนเรื่องของโรงงานมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเครื่องจักรที่มีการทดสอบเดินเครื่อง 2-3 วันแล้ว 

  ส่วนราคาในการเปิดหีบอ้อยในครั้งนี้ เบื้องต้นเป็นไปตามราคาที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายกำหนดราคาอ้อยขั้นต่ำอยู่ที่ 1,160 บาทต่อตัน ที่ระดับความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. ซึ่งในเรื่องของการปรับราคาก็จะมีการประกาศอ้อยเบื้องสุดท้ายและส่วนเพิ่มตาม ซี.ซี.เอส. ตามมาอีกครั้ง จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรในการช่วยกันตัดอ้อยสด สะอาดเข้าสู่โรงงาน เพราะเมื่อโรงงานได้อ้อยสด สะอาด จะผลิตน้ำตาลได้ดี ได้ปริมาณน้ำตาลที่มากขึ้น เมื่อผลิตน้ำตาลได้มากขึ้น เกษตรกรชาวไร่อ้อยก็จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นตามไปด้วย

ด้าน นายประสงค์ ผลส่ง อุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 ธ.ค.67 นี้ โรงงานน้ำตาลจะเริ่มมีการเปิดหีบอ้อย ซึ่งทางจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีมาตรการในเรื่องของความปลอดภัย จากการขนส่งอ้อยเข้าสู่โรงงานน้ำตาล ทั้งความเร็วรถ น้ำหนัก ส่วนสูง และเส้นทางเดินรถ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและการเดินรถที่จะเป็นปัญหาอุปสรรคกับผู้ใช้รถใช้ถนนโดยทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้ประสานขอความร่วมมือให้หยุดการขนส่งอ้อยในห้วงระยะเวลาดังกล่าว เนื่องจากจะมีการจราจรที่หนาแน่น














แสดงความคิดเห็น