วันที่ 17 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดนครราชสีมา มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ 397/2566 คดีหมายเลขแดงที่ พ 1513/2567 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 ความแพ่ง ระหว่างฝ่ายโจทก์ คือ น.ส.ภรภัค พรนพฉัตร หรือ น.ส.สิริญาวดี สิริธนคุณาภรณ์ (หมอเอื้อง)พร้อมพวกรวม 3 คน กับจำเลย คือ พระมหาชัชวาล ศรีสวัสดิ์หรือโอภาโส จำเลยที่ 1 พระประมวล นิยมวงษ์ จำเลยที่ 2 และนายสุเวช สาระศาลิน จำเลยที่ 3 เรื่องละเมิด ที่ดิน ขับไล่ โดยโจทก์ทั้งสามฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามคนได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) 3 แปลง เนื้อที่รวม 131 ไร่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2560 หมอเอื้องได้ทำหนังสือถวายที่ดินให้จำเลยที่ 1 เนื้อที่ 77 ไร่ และถวายเพิ่มเติมให้อีก 54 ไร่ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 รวมเนื้อที่ 131 ไร่ ซึ่งการกระทำทั้ง 2 ครั้งเป็นโมฆะ สิทธิครอบครองจึงยังไม่โอนไปยังจำเลยที่ 1
โจทก์ทั้งสามเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน โดยปลูกพืชผลการเกษตรโดยไม่ได้ละทิ้ง การที่จำเลยที่ 1 ก่อสร้างวัดหรือที่พักสงฆ์ ศูนย์ปฏิบัติธรรมบนที่ดินพิพาท จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย เพราะการขออนุญาตสร้างวัด ต้องขอโดยผู้มีชื่อใน ส.ป.ก.4-01 ข เท่านั้น
ต่อมาวันที่ 11 ตุลาคม 2564 โจทก์ทำหนังสือแจ้งให้จำเลย ยกเลิกการใช้ที่ดินสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาท แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ยังนำกุญแจมาปิดล็อกรั้วไม่ให้โจทก์เข้าไปในที่ดินพิพาท ทำให้ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยเปิดประตูรั้วและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และต้องส่งมอบที่ดินทั้ง 3 แปลงคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย และให้ชำระเงินแก่โจทก์ปีละ 1,000,000 บาท
ด้านจำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ทั้งสามได้สละเจตนาครอบครองที่ดินตามกฎหมายแล้ว ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกที่ดิน โจทก์ทั้งสามไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย เนื่องจากที่ดินพิพาทอยู่ในความดูแลของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และการออกเอกสารสิทธิให้โจทก์ทั้งสามเป็นการไม่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ทั้งนี้ศาลได้พิเคราะห์และวินิจฉัยคำให้การของทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว
จึงพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ข ทั้ง 3 แปลง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ให้จำเลยทั้งสามเปิดประตูรั้วที่ปิดล็อกและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง กับส่งมอบที่ดินพิพาททั้ง 3 แปลงดังกล่าวคืนแก่โจทก์ทั้งสามในสภาพเรียบร้อย โดยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสาม ห้ามจำเลยทั้งสามและบริวารกระทำการใดอันเป็นการรบกวนการทำประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ทั้งสาม ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสามในอัตราปีละ 100,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 2 มีนาคม 2566) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะปฏิบัติตามคำพิพากษาเสร็จสิ้น ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสาม โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี 10,000 บาท.นครราชสีมา นันทวัฒน์ อุ่มพิมาย
088-3777745
แสดงความคิดเห็น