สาวต่างด้าวอุ้มลูกน้อยขอทานหน้าห้างดังพัทยา เจอนักข่าวบุกสัมภาษณ์ ตกใจแกล้งปวดฟัน ทำท่าจะเป็นลม ขณะคนไร้ที่พึ่งยึดหน้าร้านค้านอนเพียบ

ค่ำวันนี้ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่าที่บริเวณฟุตปาธ หน้าใกล้ห้างชื่อดังแห่งหนึ่ง ริมถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้มีสาวต่างด้าวอุ้มลูกน้อยขอทานเศษเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพื่อเรียกความสงสาร จากการไปตรวจสอบพบว่ามีสาวต่างด้าวมีการเอาลูกน้อยจำนวน 2 คน นั่งวางแก้วขอทานอยู่ริมฟุตปาธจริ

เมื่อเข้าไปสอบถามสาวขอทานว่าเป็นคนไทยหรือไม่ ทำไมต้องเอาเด็กมานั่งขอทานในตอนกลางคืนด้วย โดยสาวขอทานกลับเริ่มมีอาการร้อนรนใช้มือปิดใบหน้า และจับแก้มตัวเอง พร้อมอ้างว่าเธอปวดฟัน และทำท่าทางคล้ายคนจะเป็นลม ก่อนจะล้วงยาปฏิชีวนะออกจากกระเป๋าแล้วยัดเข้าปากในทันที โดยมีนักท่องเที่ยวหย่นเศษเหรียญลงกระป๋องอย่างไม่ขา

ทางผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งสาวขอทานรายนี้ เปิดปากบอกว่า เธอเป็นคนกัมพูชา มีแฟนเป็นคนไทย มีลูกด้วยกันสองคนอย่างที่เห็น พักอาศัยอยู่บริเวณย่าน ต.นาเกลือ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยไม่มีนายจ้างหรือหัวหน้าที่มาบังคับให้ขอทาน สาเหตุที่อุ้มลูกมานั่งขอทานในช่วงดึก เนื่องจากต้องการหาเงินไปทำฟัน ก่อนที่จะเก็บของและหอบลูกเดินหนีไป โดยอ้างว่าไปซื้อยาแก้ปวดฟัน

ขณะที่ บริเวณตลาดวัดชัยมงคล พัทยาใต้ พบลุงพิการแขนทั้งสองข้าง และและดวงตาข้างขวา นั่งถอดเสื้อโชว์ว่าเป็นคนพิการ พร้อมกับวางถ้วยกะลาที่ไว้คอยรับเศษเหรียญจากผู้ใจบุญ เมื่อเข้าไปสอบถามทำไมต้องถึงเลือกมาเป็นขอทาน ลุงได้ลอกว่า เพราะเป็นคนพิการเลยมานั่งขอทานเอา โดยยืนยันว่าเป็นคนสัญชาติไทย แต่ทำบัตรประชาชนหาย

เมื่อถามว่าวันนี้ได้เงินเยอะหรือไม่ ลุงขอทานได้ล้วงกระเป๋ากางเกงควักเงินออกมาโชว์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบงก์ยี่สิบ ถูกแบ่งไว้เป็นปึกละหนึ่งร้อยบาทจำนวนหนึ่ง โดยอาศัยอยู่พัทยามานานกว่า 40 ปี และไม่เคยถูกจับมาก่อน เนื่องจากเวลาเจ้าหน้าที่เหตุก็จะเกิดความสงสาร ได้เข้ามาว่ากล่าวตักเตือน และไล่ให้กลับบ้าน ก่อนที่ลุงจะเห็นท่าไม่ดีรีบใส่เสื้อและขอตัวกลับบ้านในทันที

นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบยังพบบุคคลไร้ที่พึ่ง หรือคนเรร่อนจะจำนวนมาก จะอาศัยหลบนอนอยู่บริเวณหน้าร้านที่ปิดบริการ จนเป็นภาพติดตาของเมืองพัทยาไปแล้ว สำหรับปัญหากลุ่มคนเร่ร่อนไร้ที่พึ่ง ยังคงเป็นปัญหาอยู่คู่เมืองพัทยา มาอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามลงพื้นที่แก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม.

ธีรวัฒน์ ทองมา/รายงาน