จุดเกิดเหตุ ชั้นล่าง บริเวณลานจอดรถหน้าบ้านใกล้ประตูทางเข้าบ้าน พบผู้บาดเจ็บนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น มีเลือดไหลจำนวนมาก ทราบชื่อ นายประสิทธิ์ ถิรดุลย์กุล อายุ 60 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัย จึงเข้าไปตรวจสอบพบ มีบาดแผลตามลำตัวมากกว่า 20 แผล มีบาดแผลที่ศีรษะเป็นรอยถูกฟัน ประมาณ 4 แผล (ใช้มีดบังตอฟัน) ที่ ลำคอ จำนวน 4 แผล บริเวณหน้าท้อง 4 แผล แขนซ้าย ประมาณ 5 แผล ท่อนแขนบนข้างขวา 4 แผล (ใช้มีดปลายแหลมแทง) เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนส่งต่อ รถกู้ชีพโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลตามลำตัวเป็นจำนวนมากและเลือดไหลไม่หยุด จากนั้นรถกู้ชีพโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ได้เคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเลิดสิน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้ได้รับบาดเจ็บ ตอนเกิดเหตุอยู่เพียงลำพังคนเดียว และ ประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวช และ โรคซึมเศร้า รักษาตัวมาได้ประมาณกว่า 2 ปี และ มาช่วงหลังก่อนเกิดเหตุไม่ค่อยกินยา จึงเกิดอาการกำเริบขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านชั้นล่าง พบมีกองเลือดอยู่ที่พื้นบ้าน และ มีมีดบังต่อทำครัวยาวประมาณ 20 เซนติเมตร แล้วจากนั้นไป พบ มีดด้ามสีดำปลายแหลม อยู่ที่อ่างล้างจานภายในห้องครัวด้านหลัง โดยมีดทั้ง 2 เล่ม มีคราบเลือดติดอยู่
นางสาวอภิญญา อายุ 32 ปี หลานสะใภ้คนเจ็บ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุเขาอยู่คนเดียว เพราะว่าตนเองออกไปรับลูกและแฟนตอน 15:00 น. กลับมา 17:00 น. เห็นเขานอนจมกองเลือดอยู่บริเวณตรงนี้ แฟนตนเองจึงถามว่าเป็นอะไรเขาบอกว่าเหมือนเอามีดสับตนเอง ตนเองจึงรีบลงจากรถและไปดูเห็นกองเลือดไหลไปทางโน้นและถามว่าไปบริเวณนั้นมาด้วยไหมเขาบอกว่าไปมาด้วย แต่ตอนแรกก็ยังไม่คิดว่ามีกองเลือดในบ้าน พอเข้าไปในบ้านก็เห็นกองเลือด ซึ่งเขาเองก็ยังมีสติ ถามตอบรู้เรื่องหมดทุกอย่าง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้สงสัยว่าใครจะมาทำร้ายเพราะว่า เป็นจิตเวชรักษาตัวมานานแล้วและเขาก็เคยทำแบบนี้ ฆ่าตัวตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้น มีคนอยู่ด้วยเขาก็เลยทำได้แค่กรีดข้อมือหรือแทงตัวเองได้นิดหน่อยแค่นั้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ เกิดมาแล้วประมาณ 1-2 ปี มีดที่ใช้ก่อเหตุเป็นมีดปังตอที่วางอยู่กลางบ้าน และเห็นแฟนบอกว่าเป็นมีดเล่มเล็กๆอยู่ในซิงค์ ซึ่งมีรอยเลือด เขาไม่เคยบ่นอะไรให้เราฟัง แค่บอกว่าไม่อยากอยู่ เขาบ่นเองซึ่งไปหาหมอรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นจิตเวช แล้วหมอบอกว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งตนเองกลับมาจากข้างนอกเห็นเขามีเลือดเต็มตัวก็ตกใจจึงรีบโทรหา พี่สาวเขาด้วยว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
นายภูวนาท ธันติยะกุล อายุ 35 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเย็นตนเองไปรับลูกที่โรงเรียนตั้งแต่ตอน 5 โมงเย็น ปกติเขาอยู่บ้านกับผมและครอบครัวของผมและพี่สาวเขาอีกคนนึง ซึ่งเขาเป็นอากู๋ของผม โดยอยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเขาทำร้ายตัวเอง ที่ผมเห็นเขาเอามีดปังตออันนึงวางอยู่กลางบ้านเขาน่าจะ ใช้มีดสับหัวตัวเองเพราะเห็นศีรษะมีบาดแผล และ ฝั่งตรงข้ามก็มีเลือดน่าจะเดินมาด้วยและก็เดินไปในน้ำ เพราะเห็นมีเลือดติดตามขอบ ตอนที่ผมมาเขาก็อยู่ที่จอดรถแต่ประตูรั้วเขาปิด เขาก็นั่งอยู่ภายในบ้าน ซึ่งตอนเกิดเหตุตนเองก็ไม่ได้อยู่ เขาอยู่คนเดียว จะอยู่คนเดียวช่วงตอนที่ผมไปรับลูก ซึ่งปกติตนเองก็จะคอยเรียกเขากินข้าวกินยาเพราะว่าเขาจะกินยาอยู่ช่วงเวลาเช้าและเย็นที่หมอให้มา ซึ่งตนเองเคยได้ยินว่า เขาเป็นโรคเลือดจาง ตนเองเคยได้ยินแต่ไม่เห็น ไม่ได้เห็นเขากินตรงนั้นซึ่งเขาเคยทำร้ายตัวเองมาก่อนที่บ้านเก่า เมื่อประมาณปีกว่า เขตสาทรและเขาได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ประมาณเกือบ 2 ปีแล้ว ก็อยู่ตามปกติ ก็อยู่แบบนี้ แต่ว่าเขาจะมีอาการวูบวาบ พอมีลักษณะแบบนี้เขาก็จะทำร้ายตนเอง เขาไม่ได้เป็นตลอดช่วงนี้เพิ่งจะเป็น ซึ่งเขาก็กินยาตลอด แต่เขาก็หายไปแล้วอาจจะขาดยาก็ไม่น่าจะใช่เพราะตนเองเป็นคนจัดยาให้เขากิน แต่ว่าก็ไม่ได้ประคบประหงม มีอะไรก็คุยกัน แต่ไม่ได้คุยเล่นกันเสมอเพราะไม่รู้จะคุยอะไร
นาย บุญล้อม เสือสินธุ์ อายุ 45 ปี อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มต้นได้รับแจ้งจากกู้ชีพปราการว่า มีชายทำร้ายตนเองภายในซอยประชาอุทิศ 90 อาสาจุดบ้านคลองสวนจึงได้ไปตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ จึงได้เจอคุณลุงนอนอยู่ตรงโรงจอดรถ พอหลังจากนั้นถามญาติ ซึ่งคุณลุงเป็นผู้ป่วยด้านจิตเวช และหมอกำลังจะนัดให้ไปหาอาทิตย์หน้า เพื่อรับยาต่อเนื่อง คุณลุงป่วยมานานประมาณปีกว่า ถึงก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการทำร้ายตนเองรุนแรงในขั้นนี้ จากนั้นเมื่อตนเองมาตรวจสอบเห็นคุณลุงนอน หมอบ มองด้วยสายตายังประเมินไม่ได้ว่ามีแผลบริเวณไหน พอเข้าไปใกล้ สิ่งแรกที่เห็นคือ แผลที่ศีรษะขนาดใหญ่ จึงเกลี้ยกล่อมให้คุณลุงลุกขึ้นมานั่ง และตรวจสอบพบว่ามีบาดแผลที่ศีรษะลูกกระเดือก หน้าอก หน้าท้อง และบริเวณแขน ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บมีสติถามตอบรู้เรื่อง ตอนที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้น หูแว่วและไม่ได้ทานยาด้วยคาดว่าน่าจะหูแว่ว จึงทำร้ายตัวเอง ตนเองอยากจะฝากญาติผู้ป่วยเคสแบบนี้ต้องมีคนดูแลใกล้ชิด เพราะมันพูดยาก ถ้าเรามีผู้ป่วยคนหนึ่งญาติอาจจะต้องทำงานข้างนอกและผู้ป่วยอยู่เพียงลำพังคนเดียวจะอันตรายถึงจะป่วยมากหรือน้อยก็ต้องมีคนดูแล 24 ชั่วโมงเพราะไม่เช่นนั้น หลานของคุณลุงมาเจอคุณลุงซึ่งกลับมาทันพอดี จึงไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
***************************
นางสาวปรางค์ทิพย์ จินดามรกฎ / นายนพดล ลมเย็น จ.สมุทรปราการ
แสดงความคิดเห็น