วันที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น.  นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการแหล่งโบราณคดีโนนพลล้าน บริเวณพื้นที่ปรับภูมิทัศน์คูเมืองด้านตะวันออก ถนนอัษฎางค์ ตัดถนนพลล้าน เขตเทศบาลนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จากนั้นรับฟังสรุปข้อมูลการเตรียมความพร้อมการประชุมคณะสัญจรในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม  โดยมีนางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับฟังรายงานสรุปแผนการดำเนินงานภายหลังการขุดตรวจทางโบราณคดีบริเวณกำแพงเมืองนครราชสีมา ด้านทิศตะวันออก (แหล่งโบราณคดีโนนพลล้าน) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยความร่วมมือระหว่าง เทศบาลนครนครราชสีมา กับ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ภายใต้โครงการปรับปรุงพื้นที่สาธารณะบริเวณคูเมืองเก่านครราชสีมา บูรพารวมพล ซึ่งทางกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้ดำเนินการขุดตรวจทางโบราณคดีบริเวณกำแพงเมืองนครราชสีมา ด้านทิศตะวันออก (แหล่งโบราณคดีโนนพลล้าน) ในระหว่างวันที่ 21 พฤษภาคม – 10 มิถุนายน 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขุดตรวจแนวกำแพงเมืองนครราชสีมาด้านทิศตะวันออกก่อนดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ต่อไปในอนาคต
โดยในวันที่ 10 มิถุนายน 2567 นักโบราณคดี  ได้ดำเนินการเก็บกู้โครงกระดูกและหลักฐานทางโบราณคดีที่พบร่วมจากหลุมขุดตรวจมาเก็บรักษาไว้ ณ ห้องปฏิบัติการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากน้ำใต้ดิน และน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลังจากที่นำโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ กลับมายังห้องปฏิบัติการจะดำเนินการทำความสะอาดหลักฐานทางโบราณคดีที่พบทั้งหมดก่อนนำส่งตัวอย่างหลักฐานไปวิเคราะห์ต่อไป สำหรับหลักฐานทางโบราณคดีที่พบ สามารถนำไปวิเคราะห์ด้วยวิธีวิทยาศาสตร์ ดังนี้
1.โครงกระดูกมนุษย์ จะนำไปวิเคราะห์ เพศ ส่วนสูง อายุเมื่อเสียชีวิต และรอยโรคที่ปรากฏบนกระดูก เพื่ออธิบายสภาพร่างกายขณะมีชีวิตอยู่ต่อไป นอกจากนี้จะดำเนินการจัดส่งตัวอย่างกระดูก และอินทรียวัตถุที่พบร่วมกับโครงกระดูกไปกำหนดอายุสมัยด้วยวิธีเรืองแสงความร้อน ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2. หลักฐานทางโบราณคดี ประเภท เครื่องประดับทองคำ เครื่องมือเหล็ก และลูกปัดแก้ว ไปวิเคราะห์องค์ประกอบธาตุ ด้วยวิธี XRF จากกลุ่มวิทยาศาสตร์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หรือหน่วยงานภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญ อาทิ สถาบันวิจัยแสงซิงโครตรอน (องค์การมหาชน) ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เเละจะนำผลการวิเคราะห์องค์ประกอบธาตุที่ได้มาศึกษาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลจากแหล่งโบราณคดีที่มีอายุร่วมสมัยกันต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ภายหลังจากดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ หลักฐานต่างๆครบถ้วนแล้ว สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมาจะนำส่งโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ บางส่วนให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมหาวีรวงศ์ อำเภอเมืองนครราชสีมา เก็บรักษาอนุรักษ์และจัดแสดงต่อไป ส่วนโครงกระดูกมนุษย์จะนำส่งเพื่อเก็บรักษาและอนุรักษ์ ณ ศูนย์วิจัยโบราณคดีบ้านเชียง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี

 “การดำเนินงานทางโบราณคดีในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างเทศบาลนครนครราชสีมากับกรมศิลปากร ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่างให้ความสนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ การขุดตรวจทางโบราณคดีในครั้งนี้จึงเป็นแหล่งเรียนรู้เฉพาะกิจสำหรับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นจึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อยอดทางวิชาการ แต่ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความรัก ตระหนัก และหวงแหน หลักฐานทางโบราณคดีที่พบทั้งหมดในฐานะมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ

แสดงความคิดเห็น