หลวงพ่อขอบิณฑบาตรับเหมาขาใหญ่มาสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งหลังวัดให้เสร็จ หลังการก่อสร้างไม่คืบหน้า ทิ้งเสาเข็มวางเรียงรายเต็มบริเวณวัด จนแทบจะเปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดเสาเข็ม เป็นอนุสรณ์แด่ผู้รับเหมาทิ้งงาน ระบุโครงการนี้เปล่าประโยชน์เพราะป้องกันน้ำท่วมไม่ได้ ลือรับเหมารายเล็กเริ่มฟ้องร้องรับเหมาขาใหญ่

วันที่ 26 เมษายน 2567 จากการติดตามปัญหาก่อสร้าง 8 โครงการ งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ตามงบประมาณพัฒนาเมือง โดยจัดลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งทีมข่าวยังคงเกาะติดสภาพปัญหา และความคืบหน้าการแก้ไขของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด ไปพบเจอร่องรอยการก่อสร้าง อีก 3 โครงการตามแนวฝั่งแม่น้ำชี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย 1 แห่ง และ ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย 2 แห่ง ซึ่ง ทั้ง 3 แห่งพบเพียงกองดิน กองเห็น เสาเข็มหลายร้อยต้นวางเกลื่อนทิ้งไว้ ไม่ได้ถูกนำไปตอกริมตลิ่ง มองดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นสุสานเสาเข็มในอนาคต โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะ 2) วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นอีกจุดก่อสร้างของกรมโยธาฯจุดใหญ่อีกจุดหนึ่ง ความยาว 385 เมตร งบประมาณ 59,270,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย.63 สิ้นสุดสัญญา 10 ส.ค. 65 ขยายระยะเวลา 73 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 65 แก้ไขสัญญา ค่าปรับเป็น 0 ถึงวันที่ 10 ส.ค. 67 ผลงาน 45.77% ช้ากว่าแผน -54.23% เบิกจ่าย 21,930,500 บาท ทั้งนี้พบว่าผู้รับเหมาหยุดทำงานแล้ว มีเพียงร่องรอยการทำงาน กองดิน เสาเข็มวางระเกะระกะ และมีรถแบ็คโฮจอดทิ้งไว้เพียงคันเดียวเท่านั้น ไม่มีคนงาน ไม่มีเครื่องจักรอื่นๆไปวาง เหมือนไม่มีน้ำมันจะทำงานต่อหรือจะรออะไรสักอย่าง



หลวงพ่อมณี ศิริปุณฺโณ พระลูกวัด วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า บริเวณหลังวัดติดกับจุดก่อสร้าง โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี ตั้งแต่ผู้รับเหมาเข้ามาทำงาน ก็เห็นทำๆ หยุดๆ แล้วก็หายไปหลายเดือน ก็กลับมาทำอีก ล่าสุดตั้งแต่หลังปีใหม่เป็นต้นมาหายไป เห็นแต่คนเข้ามาตรวจว่าเสาเข็มและรถแบ็คโฮยังอยู่หรือไม่เท่านั้น ส่วนคนงานก่อสร้างและเครื่องจักรกลอื่นๆ ไม่เห็นเข้ามาทำงานเลย  เสาเข็มที่ขนมามากมาย แทนที่จะนำไปปักไว้ที่ๆควรอยู่ คือริมตลิ่งหน้างานก็ไม่ทำ กลับวางทิ้งไว้เฉยๆอย่างที่เห็น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่า “เค้ากำลังฟ้องร้องกันอยู่” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครฟ้องใคร


หลวงพ่อมณีกล่าวอีกว่า พระเณร ชาวบ้านก็ได้แต่สงสัย วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา สรุปก็คือผู้รับเหมาทิ้งงาน บริเวณวัดลำชีวนารามที่เคยกว้างขวาง มีพื้นที่ว่างเปล่า เหมาะแก่การพักผ่อนและปฏิบัติธรรม ก็กลายเป็นที่วางกองเสาเข็มเต็มไปหมด อย่างไรก็ตาม หากทำโครงการนี้แล้วเสร็จ ก็ไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้แน่ หลายคนจึงมองว่าโครงการนี้ไม่มีประโยชน์ ทั้งนี้ ตนเองก็อยากจะขอบิณฑบาตกับผู้รับเหมา รีบกลับมาทำงานต่อให้แล้วเสร็จเสียที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ อีกไม่นานก็จะถึงฤดูฝนน้ำหลาก ปริมาณงานที่ทำไว้ก็จะถูกน้ำกัดเซาะพังเสียหายไปหมด ซึ่งเท่ากับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หรือละลายเม็ดเงินก่อสร้างที่เบิกจ่ายไปกว่า 21 ล้านละลายไปกับแม่น้ำชีหมด



จากภาพที่เห็น ภายในบริเวณวัดลำชีวนารามที่เคยกว้างขวางมีพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาใช้สถานที่ในการปฏิบัติศาสนกิจปฏิบัติธรรม ได้กลายสภาพเป็นที่วางกองหินและเสาเข็มนาดใหญ่ที่จะต้องตอกเพื่อทำโครงการนี้ ทั่วทั้งวัดกลายเป็นจุดอันตรายต่อชาวบ้านที่พบเห็น ชาวบ้านหลายคนที่เข้ามาทำบุญในวัดและเมื่อเข้ามาเห็นภาพกองหิน เสาเข็มหลายร้อยต้น อดไม่ได้ที่จะแซวว่าวัดนี้คงจะได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็นวัดเสาเข็มหรือวัดเสาเข็มอาณาราม เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้รับเหมาทิ้งงาน.

แสดงความคิดเห็น