กรมราชทัณฑ์ จัดกิจกรรม เดิน-วิ่ง การกุศล “Yellow ribbon Thailand presents ราชทัณฑ์ Run for Relife” ในครั้งนี้ แบ่งการเดิน – วิ่ง เป็น 2 ระยะทาง ได้แก่ ระยะทาง 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร เส้นทางผ่านสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ ที่มีความสวยงามข้ามผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการเดิน – วิ่ง แบบสะสมระยะทาง (Virtual Run) โดยจัดขึ้นเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงภารกิจ บทบาท หน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ในด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง รวมถึงเพื่อสร้างการยอมรับและการให้โอกาสทางสังคมแก่ผู้พ้นโทษ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สังคมได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขัง ให้สามารถช่วยเหลือตนเอง ไม่เป็นภาระแก่ครอบครัวและสังคม ไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก ทั้งนี้ รายได้จากการจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการระดมทุน เพื่อสมทบเข้ากองทุนสวัสดิการและการสงเคราะห์ผู้ต้องขัง
โดยกองทุนนี้จะนำไปใช้ในกิจการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษทั่วประเทศ เช่น การให้ทุนประกอบอาชีพผู้พ้นโทษ ทุนการศึกษาบุตรผู้ต้องขัง ค่าพาหนะเดินทางกลับภูมิลำเนา เป็นต้น
การจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง ดังกล่าว เป็นการสนับสนุนนโยบายการบริหารงานราชทัณฑ์ เพื่อรวมพลังขับเคลื่อน 8 มิติ ยกระดับสร้างความเปลี่ยนแปลงของนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในมิติที่ 7
การสร้างการยอมรับและสร้างความเชื่อมั่นของผู้ต้องขังต่อสังคม โดยกรมราชทัณฑ์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเผยแพร่ การรณรงค์การสร้างการรับรู้ให้สังคมตระหนัก ยอมรับและเห็นคุณค่าของผู้ต้องขัง ที่ควรจะได้รับโอกาสทางสังคม ทั้งทางการศึกษา การประกอบอาชีพ และการดำเนินชีวิต เฉกเช่นเดียวกับพลเมืองโดยทั่วไป ผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภาคประชาชน สถานประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการจุดประกาย การปรับเปลี่ยนทัศนคติของสังคมต่อการให้โอกาส การยอมรับ และการให้ความช่วยเหลือผู้พ้นโทษต่อไปพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กล่าวว่าอีกว่ารู้สึกดีใจกับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เพราะได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมากจากที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีคนสนใจเข้ามาร่วมวิ่งในครั้งนี้ประมาณ 2000 คน แต่ยอดลงทะเบียนกว่า 3000 คน เป็นเรื่องที่ดีสำหรับพี่น้องผู้ต้องขังทุกคนทั้งที่พ้นโทษไปแล้วและยังถูกคุมขังอยู่ ซึ่งจากบันทึกประวัติอาชญากรมีมากถึง 90 ล้านคน นี้แสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่ทิ้งกัน เราเป็นพี่น้องกัน หลังจากนี้รายได้จากการกิจกรรมในครั้งนี้จะนำไปเป็นสวัสดิการให้กับผู้ต้องขัง เพื่อให้พวกเขาเหล่านี้ที่เคยก้าวพลาดหลงผิดได้มีกำลังใจในการแก้ไขกลับตัวเป็นคนดีหลังพ้นโทษไปแล้ว
แสดงความคิดเห็น