นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ โครงการจ้างเหมาก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่
3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ว่า
ได้รับมอบหมายจากรัฐมนช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรี
ให้ลงมาติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของของผู้รับจ้างและเร่งรัดให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้มีการกำหนดใว้
โครงการนี้รัฐบาลโดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน
ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้งก็ได้นำโครงการนี้ไปขายและเชิญชวนนักลงทุนทุกครั้ง
และที่สำคัญโครงการนี้จะสามารถสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ในอนาคตอย่างยั่งยืน
จากการติดตามงานตั้งแต่รัฐบาลชุดท่านนายกเศรษฐา
ทวีสินและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนพร เจริญศรี ได้เข้ามาเร่งรัดการทำงานจากผู้รับเหมาการก่อสร้างเป็นระยะ
ๆ และสามารถแก้ปัญหาข้อติดขัดต่าง ๆของโครงการไปได้ด้วยดีมาตลอดมาเพราะรัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคมได้มอบหมายให้ตนพร้อมทีมงานลงพื้นที่ ทุกเดือน ๆละ 2 ครั้ง เพื่อช่วยในการแก้ปัญหาต่าง ๆ
ที่ผู้รับเหมาะติดขัดไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐในการประสานงานกับการท่าเรือ
, กรมเจ้าท่า หรือแม้แต่หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคมหรือนอกกระทรวงก็ตาม “
สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานเพื่อให้งานสำเร็จ และไม่ผิดระเบียบราชการ ข้อบังคับต่าง ๆ ตนเองพร้อมที่จะประสานงานให้ เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย
และประชาชนได้ประโยชน์ “ นายทวีศักดิ์ กล่าว
ด้านนายเจษฎา ชูชาติ
ผู้ช่วยผู้จัดการโครงการกิจการร่วมค้า CNNC กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.
2566 ที่ผ่านมาซึ่งนายกรัฐมนตรี
นายเศรษฐา ทีวีสิน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
นางมนพร เจริญศรี
ได้เข้ามาตรวจเยี่ยมการทำงานของโครงการท่าเรือจนถึงวันนี้ต้องบอกว่าสามารถดำเนินการไปได้ตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการถมทะเล การขนหิน และที่สำคัญปัญหาต่าง ๆ ที่ติดขัดก็ได้รับการประสานงานและได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากรัฐบาล ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงาน เชื่อว่าโครงการหน้าจะเสร็จทันตามเป้าหมายของโครงการ
โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง
ระยะที่ 3 เป็นโครงการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือเพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
เป็นก่อสร้างท่าเทียบเรือสำหรับจอดเรือน้ำลึก
และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
รวมทั้งการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง (Single
Rail Transfer Operator,
SRTO) ก่อสร้างท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรภายในท่าเรือตลอดจนโครงข่ายและระบบการขนส่งต่อเนื่องที่จำเป็นในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังที่จะเชื่อมต่อกับภายนอกให้เพียงพอและพร้อมที่จะรองรับการขยายตัวของปริมาณเรือและสินค้าประเภทต่าง
ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าจาก
11 ล้านตู้ต่อปี เป็น 18
ล้านตู้ต่อปี
ที่สำคัญเป็นการพัฒนาเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าของภูมิภาคอินโดจีน ( Hub Port ) ในการเปิดประตูการที่สำคัญของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
( Gateway Port)
และพร้อมเป็นท่าเทียบเรือระดับโลก ( World -Class Port )
แสดงความคิดเห็น