เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 19 มี.ค. 67 พ.ต.ท.ชนาธิป พานทอง รอง.ผกก.ป.สภ.บางบัวทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดป้องกันและปราบปรามร่วมด้วยนาย ปวีณวัช ปาระมีศรี ปลัดอำเภอบางบัวทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมด้วยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านสหรัฐ ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากเพจเฟซบุ๊ก "ช่วยเหลือ จัดระเบียบสังคม" ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนจากเครื่องเสียงที่เปิดเสียงดังในยามวิกาล และร้านเปิดเกินเวลา รวมไปถึงให้บริการกับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และมีเด็กหญิงต่างด้าวที่เป็นชาวเวียดนามอยู่เต็มร้าน ยังมีการจัดปาร์ตี้ยาชนิดเคตามีนและยาอี ซ้ำยังมีการจ่ายส่วยให้ผู้กำกับอีก 30,000 บาท ด้วย เคยร้องไปหลายรอบแต่เจ้าหน้าที่มองข้าม เพิกเฉยจะถือว่าเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
พ.ต.ท.ชนาธิป พานทอง รอง.ผกก.ป.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า หลังจากมีการร้องเรียนทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านดังกล่าว เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายตามที่ร้องเรียนแต่อย่างใด ในเรื่องของการใช้เสียงที่ดังจนกระทบต่อผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงพบว่าทางร้านเปิดเพลงจริง แต่ไม่ได้เสียงดังมาก ถึงเวลาก็ปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด

ในส่วนของเรื่องยาเสพติดนั้นเบื้องต้นยังตรวจไม่พบตามที่กล่าวอ้าง ส่วนในเรื่องของการที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าทางร้านได้มีการเคลียร์หรือจ่ายส่วยให้กับผู้กำกับสภ.บางบัวทองนั้น คงไม่มีการจ่ายเงินดังกล่าวและขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

ด้านนายบุญเชิด ปราบโจร หรือต้น สหรัฐ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านสหรัฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเคยได้รับการร้องเรียนในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งเรื่องเสียงดังนั้นทางร้านยอมรับแต่ไม่ได้ดังถึงขนาดที่ร้องเรียนมา แล้วพอถึงเวลาทางร้านก็ปิดร้านตามกฎหมายกำหนด ส่วนตัวคิดว่าเรื่องเสียงที่ดังจนไปกระทบกับผู้อาศัยที่อยู่ใกล้เคียงน่าจะมาจากเวลามีเทศกาลก็จะมีการจัดวงดนตรีมาเล่นที่ด้านหลังร้านซึ่งเป็นลานกว้าง อาจจะมีเสียงดังไปบ้างจนเขาร้องเรียนไป ส่วนเรื่องของเด็กๆที่เป็นชาวเวียดนามตอนนี้ก็ได้ทำเรื่องขอใบอนุญาตเป็นที่เรียบร้อยหมดแล้วไม่มีแบบผิดกฎหมายแน่นอน ในเรื่องของการให้บริการผู้ที่อายุไม่ถึง 18 ปี และการจัดปาร์ตี้ยาเสพติดนั้นขอยืนยันว่าที่ร้านไม่มี ยิ่งเรื่องการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีแน่นอน เพราะทุกวันนี้เศรษฐกิจค่อนข้างแย่ รายได้ที่ร้านไม่เยอะเหมือนแต่ก่อนคนเข้าร้านก็น้อยมองว่าเป็นการขัดแย้งกลั่นแกล้งกันทางธุรกิจมากกว่า












 

แสดงความคิดเห็น