จากเหตุการณ์ กลางดึกวันที่ 17 มี.ค. ได้มีกลุ่มวัยรุ่นนับ 10 คน บุกถล่ม-ปืนลูกซองยิงใส่บ้านคู่อริ จนได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และกำแพงบ้าน และต้นไม้ได้รับความเสียหาย ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซอยเอสอาร์ ม.4 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังเกิดเหตุเพียงวันเดียว พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง ประชุมสั่งการไล่ล่า จนกระทั่งสามารถจับกุมสอง 2 พี่น้องหัวโจกตัวต้นเรื่อง โดยสารภาพว่ารุ่นน้องในกลุ่มเป็นคนยิง และคิดว่าคู่อริถึงแก่ความตาย เกิดอาการตกใจขับรถหนีไปไกลถึงจังหวัด ศรีสะเกษ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ค่ำวันนี้ 19 มี.ค. มีรายงานว่า กลุ่มญาติได้พาตัว นายนันทิพัฒน์ หรือปลั๊ก อายุ 19 ปี คนยิงเข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง ผกก.สส.สภ.สภ.บางละมุง หลังศาลจังหวัดพัทยาอนุมัติหมายจับ ในฐานความผิด “ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหะสถานผู้อื่นโดยมีอาวุธปืน ร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง“ ชุดสืบสวนจึงแสดงและอ่านหมายจับให้ฟังและข้อกล่าวให้รับทราบ ก่อนควบคุมตัวไปทำการสอบสวน
สอบสวน นายนันทิพัฒน์ หรือปลั๊ก คนยิง ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถจยย. ไปนั่งเล่นกับเพื่อนที่อู่ซ่อมรถช่างนิ่ม พอมาถึงปรากฎว่า พวกเจ้าของอู่กำลังรวมตัวพากันขับรถไปเคลียร์ที่บ้านของคู่อริ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนจึงขับรถตามหลังไป พอไปถึงบ้านฝ่ายคู่อริท้้งสองฝ่ายได้มีการตระโกนท้าทาย โดยที่ฝ่ายคู่อริถือมีดไม้อยู่ในตัวบ้าน จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ยืนปะทะกันบริเวณประตูรั้ว จังหวะนั้นชุลมุนมาก จึงวิ่งไปคว้าปืนจากใต้เบาะรถยิงใส่กำแพงบ้าน 1 นัด เพื่อข่มขู่เท่านั้น ก่อนแยกย้ายกันหลบหนีแล้วนำปืนไปทิ้งในป่าริมถนนสาย 36 แล้วขับหลบหนีไปจากชลบุรี ไปไกลจังหวัดศรีสะเกษ เพราะตกใจคิดว่าคู่อริถึงแก่ความตาย
ต่อมา ชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัว นายนันทิพัฒน์ หรือปลั๊ก คนยิงไปชี้จุดทิ้งปืน ที่บริเวณป่าหญ้า ริมถนนสาย 36 พัทยา-ระยอง ม.6 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากการตรวจสอบภายใต้โพรงหญ้าพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ บรรจุกระสุนลูกซองขนาดเบอร์ 12 ใส่ถุงหูหิ้วสีดำ จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน โดยรับสารภาพด้วยว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวได้ซื้อมาจากกลุ่มไลน์เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ในราคา 7,000 บาท เพื่อไว้ป้องกันตัว ตำรวจจึงถ่ายรูป และตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.

 

แสดงความคิดเห็น